เที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เนื่องในเดือนมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระชนม์พรรษาครบ 85 พรรษา เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา จึงใคร่ขอเชิญเพื่อนๆ มาเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ หนึ่งในโครงการพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ต้องการจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในบริเวณ ลุ่มแม่น้ำป่าสักในฤดูฝน และแก้ปัญหาน้ำขาดแคลนในฤดูร้อน...
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แห่งนี้ นอกจากจะช่วยแก้ปัญหา น้ำท่วมและการขาดแคลนน้ำได้เป็นอย่างดีแล้ว ในปัจจุบัน เขื่อนป่าสัก ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และยังได้รับความนิยมตลอดมา
หากใครได้มีโอกาสได้มาเที่ยวที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ที่แรกที่ต้องมาถ่ายรูปที่ระลึกกัน ก็ต้องนี่เลย เจ้าลิงจ๋อสองตัว ที่กำลังทักทาย พร้อมกับส่งดอกทานตะวัน สัญลักษณ์ท่องเที่ยวอีกอย่างหนึ่งของเมืองลพบุรีเค้าล่ะ...
และ ณ จุดนี้เอง จะเป็นจุดชมวิวริมอ่างน้ำเขื่อนป่าสักฯ จะมีศาลาสำหรับนั่งกินลม ชมวิวทิวทัศน์ ทั่วทั้งเขื่อน
แนวทางเดินริมอ่างเก็บน้ำ ยาวไปจนกระทั่งถึง อาคารอเนกประสงค์ริมอ่างฯ กันเลยทีเดียว
เดินเล่นนั่งเล่นบริเวณนี้ ก็จะมีบรรดาแม่ค้า มานำเสนอรายการอาหารอร่อยๆ โดยเฉพาะเมนูปลาน้ำจืด ที่จับได้จากแม่น้ำป่าสัก เช่น ปลานิลเผาแสนอร่อย ฯลฯ พร้อมปูเสื่อ ให้นั่งกิน นอนกิน วันนั้นเรากินปลาเผาจากที่นี่ ยืนยันว่า อร่อยมาก ราคาไม่แพงจนเกินไป ใครสนใจลองดูได้เลย
มีดอกทานตะวันยักษ์ ให้ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันด้วย
ที่แน่ๆ สองดอกยักษ์ใหญ่ด้านหน้า ไม่เคยร้างลา จากนักท่องเที่ยว หันไปมองทีไร จะต้องเห็นนักท่องเที่ยว กำลังโผล่หัว เป็นเมล็ดทานตะวันอยู่ร่ำไป
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง ที่จะพาลูกหลาน มาท่องเที่ยว พักผ่อน และเรียนรู้
จากจุดนี้ มองเห็นหอคอยเฉลิมพระเกียรติ์ฯ อยู่ไกลๆ เป็นจุดที่น่าสนใจอีกหนึ่งจุด ที่ไม่ควรพลาดชม ว่าแล้วก็เดินไปชมกันเลย
ระหว่างทาง จะไปขึ้นชมหอคอยฯ ก็จะพบป้ายสถานีรถไฟมะนาวหวาน สถานที่ซึ่งได้กลายเป็นอดีต ให้ได้ระลึกถึงเส้นทางสายนี้ อันเนื่องมาจากพื้นที่นี้ ถูกแปรสภาพเป็นเขื่อนป่าสักฯ ไปแล้ว นั่นเอง
ถึงแล้วหอคอยเฉลิมพระเกียรติ์ เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นมาเพื่อเทอดพระเกียรติ์ บูรพมหากษัตริย์ที่ทรงพระคุณแก่ จังหวัดลพบุรี ตั้งแต่อดีตกาล จนถึงปัจจุบัน โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท เท่านั้นเอง
นอกจากนี้ บนชั้น 7 ของหอคอยแห่งนี้ สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้ 360 องศากันเลยทีเดียว
มองเห็นทิวเขาด้านหน้า สวยงามมาก
ด้านนี้ มองเห็นแนวป่าไม้เขียวขจี
ทิวทัศน์บริเวณรอบๆ เขื่อนป่าสักฯ สวยงามจริงๆ
มองเห็นวิวทิวทัศน์รอบๆ เขื่อนป่าสักฯ แบบ 360 องศา สวยงามมาก
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ นอกจากจะเป็นเขื่อนที่มีคุณค่าอนันต์แล้ว ยังเป็นสถานที่ ที่สวยงามมาก
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถือเป็นเขื่อนดิน ที่ใช้กักเก็บน้ำยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน แกนดินเหนียว ความยาวประมาณ 4,860 เมตร ระดับกักเก็บน้ำสูงสุดที่ +43.00 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ปริมาณกักเก็บน้ำ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีอาคารระบายน้ำ 3 แห่ง ( ข้อมูลอ้างอิงจาก เวบไซท์ วิทยาลัยการชลประทาน กรมชลประทาน )
โครงการก่อสร้างเขื่อนป่าสักฯนี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2537 - 2542 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานนามเขื่อนนี้ว่า "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" อันหมายถึง "เขื่อนแม่น้ำป่าสักที่เก็บกักน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นั่นเอง
นอกจากจะสามารถชมวิวบนหอคอยได้แล้ว ในส่วนภาคพื้นดิน ก็ยังมีบริการรถลาก-จูง ชมบริเวณ สันเขื่อนป่าสักฯ ระยะทางประมาณเกือบกิโลเมตร ให้ได้ใช้บริการกัน ค่าบริการคนละ 25 บาท
นอกจากนี้ บริเวณจุดนั่งชมวิวริมอ่างน้ำ มีมุมให้อาหารปลา ให้ได้เพลิดเพลิน ดูปลาอีกด้วย
เขื่อนป่าสักฯ แหล่งรวมพันธ์ปลาน้ำจืดมากมาย ณ จุดนี้ นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารปลากัน
แรงกระเพื่อมของน้ำ ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของปลา
อาหารปลาถุงแล้ว ถุงเล่าถูกโยนลงไป ทำเอาฝูงปลากลุ่มนี้ลืมตัว ลืมตาย แทบจะมากองบนบันได กันเลยทีเดียว
เมื่ออาหารหมด ความสงบจึงเกิดขึ้น สามารถมองเห็นตัวปลา กำลังแหวกว่าย ได้อย่างชัดเจน
ดูแล้วมันยั้วเยี้ยไปหมด ทำให้นึกถึง วรรณคดีไทย เรื่อง สังข์ทอง ตอน ร่ายมนต์เรียกปลา ยังไงยังงั้น...
ดูกันชัดๆ เข้าใจว่า น่าจะเป็น ปลาตะเพียน ตัวขนาดกำลังอร่อยเชียว...
และเมื่ออาหารปลาถูกโยนลงไปอีกครั้ง สงครามแย่งชิงอาหารก็เกิดขึ้น อีกแล้ว...
เราปล่อยให้สงครามปลา ดำเนินต่อไป คาถาพระเวทย์มนต์ของพระสังข์ทอง ยังอายเลย งานนี้..
ถัดจากมุมให้อาหารปลา มาพบกับความสงบสยบความเคลื่อนไหว ของผีเสื้อตัวน้อย
แล้วเราก็มองเห็น พญาลิงหนุมาน กำลังหลับไหลอยู่กลางป่า..ชะรอยเราต้องเข้าไปดูซะแล้ว
สมแล้วกับที่เป็นเมืองลิง มีลิงจ๋อตัวเล็กแล้ว ก็ต้องมีพญาลิงหนุมานด้วย ถึงจะครบองค์ประชุม
เป็นอีกหนึ่งจุด ที่นักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูป เป็นที่ระลึกกัน แต่ระวัง พญาลิงจะเขมือบนะน้อง...
ก่อนกลับแวะซื้อของฝาก ที่มีวางขายมากมาย เราได้เมล็ดทานตะวันแบบคั่วถุงใหญ่ ถุงละ 100 บาท มา 2 ถุง หอม กรอบ อร่อยดี จนป่านนี้ ยังกินไม่หมดเลย และได้เสื้อป่าสักชลสิทธิ์ไปฝากคุณสามี และตัวเอง ราคาตัวละ 150 บาท
ถึงเวลาอำลา เจ้าลิงจ๋อแสนซนแล้ว การเดินทางมาลพบุรี ไม่ยากเย็นเลย โดยเฉพาะการมาเที่ยวที่เขื่อนป่าสักชลสิทธ์แห่งนี้ มีป้ายบอกตลอดทาง ไม่แน่ใจก็ลงไปถามทาง รับรองถึงแน่นอน มีเวลาอย่าลืมแวะมาเที่ยวนะจ๊ะ