เที่ยวอยุธยา...วัดใหญ่ชัยมงคล, ตลาดน้ำอโยธยา
อยุธยา..เมืองเก่าของเราแต่ก่อน.. ที่ทุกสถานที่ล้วนแล้วแต่มีเรื่องราว บอกเล่าความเป็นมา ทั้งในยุคแห่งความรุ่งเรือง ยุคแห่งการล่มสลาย การได้มาเยือนโบราณสถาน ณ กรุงเก่าแห่งนี้ จึงเหมือนกับการได้มาย้อนรอยประวัติศาสตร์แห่งชาติ ที่ทำให้เราคนไทยภาคภูมิใจ หรือทำให้เราได้เรียนรู้ บทเรียนแห่งความเจ็บปวดที่เราต้องเสียกรุงเก่า ในครั้งนั้น...
วัดใหญ่ชัยมงคล วัดเก่าแก่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ที่น่าติดตาม เป็นโอกาสดี ที่ได้มาเยือน วัดใหญ่แห่งนี้ ที่ ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.อยุธยา...
หลังจากรถเข้าเทียบท่า ที่จอดรถ เราเดินเข้าวัดมา พบนักท่องเที่ยวต่างชาติ 60-70% กันเลยทีเดียว ที่นี่ ถ้าเป็นชาวต่างชาติ ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท สำหรับคนไทย ฟรี
ภาพแรกที่เราได้เห็น คือองค์พระสถูปเจดีย์โบราณ ซึ่งจากจุดที่เรายืน มองเห็นได้ 4-5 องค์ มีทั้งที่สวยงามครบองค์ประกอบ และ ที่ชำรุดทรุดโทรมเหลือแต่ฐานราก ในทางพุทธศาสนา การสร้างองค์พระเจดีย์ มีความหมายเพื่อการรำลึกถึง , เพื่อบรรจุอัฐิ และเพื่อการเคารพบูชาในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเอง ณ จุดนี้ เราสัมผัสได้ถึงความเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา ของชาวพุทธในยุคกรุงศรีอยุธยา ได้เป็นอย่างดี...
และความเลื่อมใสเยี่ยงนี้ ก็ส่งต่อมาจนถึงคนรุ่นปัจจุบัน เห็นได้จากพุทธศาสนิกชน ที่มาเคารพสักการะ และนำผ้ามาห่มองค์พระเจดีย์ ด้วยความศรัทธา
จุดที่น่าสนใจที่วัดแห่งนี้ องค์พระเจดีย์โบราณ พระวิหาร และ พระเจดีย์ชัยมงคล เราเดินไปตามทาง ที่ป้ายบอกทางแนะนำไว้
เราเดินมาถึง วิหารพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งหากเดินมาจากทางเข้าประตู วิหารนี้จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ นั่นเอง ตามประวัติกล่าวไว้ว่า วิหารแห่งนี้ สร้างขึ้นในสมัยพระนเรศวร มหาราช สร้างเพื่อประดิษฐานองค์พระพุทธไสยาสน์ เพื่อใช้เป็นที่สักการะบูชา วิหารคงเหลือแต่เพียงซาก และร่องรอยไว้เท่านั้น
องค์พระพุทธไสยาสน์ ได้รับการปฏิสังขรเรื่อยมา จึงยังคงอยู่ในสภาพดี ให้พุทธศาสนิกชนอย่างพวกเรา ได้สักการะ ไหว้พระ ขอพร เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ต่อไป
จากนั้น เราก็มุ่งหน้าไปยัง ที่มาของชื่อวัดแห่งนี้ พระเจดีย์ชัยมงคล องค์พระเจดีย์ทรงระฆัง ที่ตั้งเด่น เป็นสง่า อยู่บนฐานแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่ พระเจดีย์แห่งนี้ ถือได้ว่า เป็นพระเจดีย์ที่สูงที่สุด ในกรุงศรีอยุธยา มาจนถึงทุกวันนี้
ณ จุดนี้ เรียกเหงื่อจากนักท่องเที่ยวอย่างเรา ได้เป็นอย่างดี กับการเดินขึ้นบันได ไปสักการะองค์พระสถูปเจดีย์ แต่ในแง่ของประวัติศาสตร์ พระมหาเจดีย์แห่งนี้ คือการประกาศศักดิ์ศรีของความเป็นไทย ที่กลับมาเป็นอิสรภาพอีกครั้ง.. หากนักท่องเที่ยวชาวไทยได้สำนึกถึงความหมายนี้ เราเชื่อว่า การเดินขึ้นบันไดสูงชันแห่งนี้ คงจะเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจในความเป็นไทย จนลืมความเหนื่อยกาย จากการขึ้นบันไดสูงเช่นนี้ อย่างแน่นอน
ในประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงทำยุทธหัตถี ชนะ พระมหาอุปราชแห่งกรุงหงสาวดี จึงโปรดให้สร้างองค์พระมหาเจดีย์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ในครั้งนั้น และได้พระราชทาน นามว่า พระเจดีย์ชัยมงคล และเนื่องจากวัดนี้ มีองค์เจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า วัดใหญ่ จึงกลายมาเป็นที่มาของชื่อ วัดใหญ่ชัยมงคล นั่นเอง
เมื่อเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้นบนสุด เราทำการสักการะ และเดินจงกลมรอบองค์พระเจดีย์ เพื่อความเป็นมงคลชีวิต อิ่มบุญ อิ่มใจ กันไป และจาก มุมมองตรงนี้ มองเห็นองค์พระเจดีย์เก่าแก่ มองเห็นร่องรอยของระเบียงคต ที่มีองค์พระพุทธรูป ประดิษฐานอยู่ได้อย่างชัดเจน
ด้านหน้าองค์พระเจดีย์ คือพระอุโบสถเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอู่ทอง องค์ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา พระอุโบสถแห่งนี้ นอกเหนือจากความเก่าแก่ของโบราณสถานแล้ว ในแง่ประวัติศาสตร์ ยังถูกใช้เป็นที่นัดพบ ของเหล่าบรรดาขุนนาง เพื่อทำการเสี่ยงเทียน ทำนาย ในการจะล้มล้างราชวงค์ในสมัยท้าวศรีสุดาจันทร์ เรืองอำนาจ ซึ่งในครั้งนั้น ได้ทำการเสี่ยงเทียนว่าจะทำการสำเร็จ จึงได้กระทำการตามการเสี่ยงทายนั้น จนสามารถปราบดาภิเษก พระเฑียรราชา เป็นกษัตริย์ได้ ในเวลาต่อมา นั่นเอง
เรื่องราวของเมืองโบราณ กรุงศรีอยุธยา ล้วนแล้วแต่ มีความผูกพัน เชื่อมโยง กับความเชื่อทางพุทธศานา กับวัดวาอาราม เรื่อยมา ในทุกยุค ทุกสมัย
ยามบ้านเมือง สงบ พุทธศาสนา ก็เจริญรุ่งเรือง ภายในพระนคร ก็จะมีการบูรณะ สร้างวัดวา ยามบ้านเมืองวิกฤติ วัดก็เป็นที่พึ่งทางใจ ได้เป็นอย่างดี
วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดเก่าแก่โบราณ อีกแห่งหนึ่ง ที่แสดงให้เห็น ถึง ความเจริญรุ่งเรือง ทางพุทธศาสนา ผู้คนมีความเลื่อมใสศรัทธา ภายในวัด มีพระพุทธรูปมากมาย มีพระเจดีย์เก่าแก่ มีพระวิหาร พระอุโบสถ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็น ถึงความอยู่เย็นเป็นสุข ของผู้คนในยุคนั้น ได้เป็นอย่างดี
เดิมในสมัยสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ทรงสถาปนาวัดแห่งนี้ โดยให้ชื่อว่า วัดป่าแก้ว พระสงฆ์จากวัดนี้ ได้เดินทางไปบวชเรียนที่ประเทศศรีลังกา นำมาซึ่งความเลื่อมใสของผู้คน ชาวพุทธทั้งหลายในยุคนั้น นิยมมาบวชเรียนที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
ต่อมา ในสมัยพระนเรศวรมหาราช เมื่อทรงสร้างพระเจดีย์ชัยมงคล เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ จึงเปลี่ยนมาเป็น วัดชัยมงคล ในที่สุด นั่นเอง
วัดใหญ่ชัยมงคลแห่งนี้ ถือว่าเป็นวัด ที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากที่สุดวัดหนึ่ง
นอกเหนือจากเรื่องราวประวัติศาสตร์แล้ว ยังโดดเด่นด้วยเรื่องของสถาปัตยกรรม
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่วัดแห่งนี้ จะเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว มากมาย
วัดใหญ่ชัยมงคล ได้ร้างไปเมื่อกรุงศรีอยุธยา เสียกรุงในสมัยที่ 2 อยู่นานนับร้อยๆปี ปัจจุบัน วัดใหญ่ชัยมงคล นอกจากจะเป็นวัดแล้ว ยังเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา...
เมื่อมาเที่ยววัดใหญ่ชัยมงคลแล้ว ก็ต้องมาสักการะ พระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นสิริมงคล
ทางเข้าพระตำหนัก มีไก่นำทางไปสู่พระตำหนัก
ด้านหน้าพระตำหนัก มีไก่ชน ถูกวางไว้มากมาย เข้าใจว่า ผู้นับถือ ศรัทธา บูชา พระนเรศวรฯ เป็นผู้นำมาถวาย
เราเข้ามากราบไหว้พระนเรศวรมหาราช สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงกู้เอกราช ได้สำเร็จ ทำให้กรุงศรีอยุธยา กลับมามีเอกราชอีกครั้ง
อันเนื่องมาจาก พระนเรศวรทรงโปรดฯ ในการเล่นไก่ชน เมื่อครั้งพระเยาว์ จึงมีผู้นำ ไก่ชนมาถวายมากมาย นั่นเอง
เที่ยวอยุธยา อิ่มเอมไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ กันแล้ว ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบ ก็ต้องมาหาอะไรกิน มาหาของชอปปิ้ง ซื้อของฝากกลับบ้านกัน ว่าแล้ว ก็ไปเที่ยวตลาดน้ำอโยธยาต่อกันเลย
แค่ป้ายตลาดน้ำอโยธยา ก็สวยงาม อลังการณ์งานสร้างแล้ว ตลาดน้ำแห่งนี้เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น. เรียกได้ว่า สามารถมาเที่ยวได้ทุกวัน กันเลยทีเดียว ที่จอดรถก็สะดวกสะบาย แนะนำว่า ให้ไปจอดอยู่ท้ายๆ สุด ใกล้ๆกับทางเข้า จะดีมากๆ
ด้วยพื้นที่อันกว้างขวาง เราสามารถนั่งเรือ ชมทัศนียภาพ ทั่วทั้งตลาดน้ำ ที่จำลองวิถีชีวิตของคนเมืองเก่า ตั้งแต่การแต่งกาย การดำเนินชีวิต ให้เหมือนเมื่อครั้งก่อนเก่า...
เราเริ่มต้นด้วย ไอศครีมมะพร้าวอ่อน จากเด็กน้อยแม่ค้าหน้าตา น่ารักมา...ก
ตามด้วยขนมไทยอร่อยๆ
ตั้งใจว่าจะหาอะไรใส่ท้องก่อน แล้วค่อยเดินช้อปปิ้ง
เดินลัดเลาะลำน้ำ ตามคอนเซ็ปตลาดน้ำ ที่ต้องมีน้ำล้อมรอบทั่วทั้งตลาด
แล้วก็มาเจอร้านอาหารริมน้ำ มีผัดไทยกุ้งสด สูตรโบราณ เป็นจุดขาย ดูแล้วนั่งกับเสื่อ น่าจะสบายดี
ข้ามสะพานไปยังร้านอาหาร มองเห็นอาคารแสดงวัฒนธรรมอยู่ไกลๆ
มองหาที่นั่ง แถวๆร้านส้มตำ น่าจะเข้าท่า แต่สรุปว่า ส้มตำไม่ผ่านจ้า...
แต่ปลาเผาโอเค น้ำกระเจี๊ยบก็อร่อย หมูสะเต๊ะ ที่น้องๆ ซื้อมาฝาก ก็อร่อยมากมาย
อิ่มอร่อยแล้ว เดินย่อยกันต่อไป
ภูมิทัศน์จัดได้เป็นระเบียบสวยงาม ร้านค้ามีมากมาย แบบน้องๆจตุจักรกันเลยทีเดียว
แต่ที่นี่ดีหน่อยไม่ร้อน เพราะมีน้ำอยู่ใกล้ๆ
มีมุมกิ๊ฟเก๋ ให้ถ่ายรูปเป็นระยะๆ
มุมข้าวของเครื่องใช้ สมัยเรายังเป็นเด็ก ก็มีให้เห็น
เดินเพลินๆ แบบแอบเหนื่อยเหมือนกัน เพราะกว้างม๊าก
ร้านอาหารตรงนี้ ก็หน้ามานั่งมาก อยู่ใกล้กับน้ำดี
ยามเมื่อเรือ แล่นผ่านมา ได้บรรยากาศ อารมณ์เป็นตลาดน้ำมากมาย
แต่ระวัง เดินชมสินค้าอยู่ดีๆ จะเจอหนุมานชาญสมร แสนซน มากระตุกต่อมฮา เราเดินจนเหนื่อย ตั้งใจว่าจะไปเที่ยววังเก่าอยุธยา ปรากฏว่า ทั้งลม ทั้งฝนกระหน่ำมาซะงั้น การท่องเที่ยวก็เลยเอวัง ด้วยประการฉะนี้
มาเที่ยวอยุธยา เราว่า ในหนึ่งวัน น่าจะได้ อย่างเก่งสุดก็น่าจะได้ 3 สถานที่ เพื่อนๆลองวางโปรแกรมดู ของเราขอเป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง อีกหนึ่งทางเลือก ให้เพื่อนๆ ได้ตัดสินใจ ใครที่ตั้งใจไปเที่ยวอยุธยา ก็ขอให้เที่ยวอย่างมีความสุข นะจ๊ะ...
กิน เที่ยว ซื้อของแล้ว ก็อย่าลืมส่ง ไปรษณียบัตร แทนความสุข ความทรงจำ ส่งต่อให้เพื่อนด้วยนะจ๊ะ
ความจริง อยุธยา เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เราตั้งใจจะเดินทางมาเยือนสักครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้มา ในครั้งนี้ เราได้มาเยือนแบบไม่คาดฝัน ญาติสนิทได้มาแต่งงานกับสาวอยุธยา เราได้รับเชิญให้มางานนี้ ญาติๆ ก็ถือโอกาสนี้พาเที่ยว เราเลยได้รับอานิสงค์ได้มาเที่ยวอยุธยา สมดังใจหมาย ขอขอบคุณญาติพี่น้องทุกท่าน ที่พามาเที่ยวในครั้งนี้ด้วยจ๊ะ