เที่ยวเกียวโต..ด้วยตัวเอง


หลังจากที่เต็มอิ่มกับ ดอกซากุระที่เมืองโอซาก้า  เราเดินทางมาพัก ที่เมืองเกียวโต และใช้เวลา อยู่ที่เมืองนี้เป็นเวลา 3 วัน เพื่อชื่นชม กับศิลปะและวัฒนธรรม อันเป็นสิ่งบ่งบอก ความเป็นตัวตน ของคนญี่ปุ่น ในยุคดั้งเดิม อันเป็นเป้าหมายหลักสำคัญ ของการมาเยือนประเทศญี่ปุ่น ในครั้งนี้ของเรา

เกียวโต หรือ ที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า เกียวโตะ เมืองซึ่งในอดีต เคยเป็นเมืองหลวง ของประเทศญี่ปุ่น เมืองซึ่งมีความเจริญรุ่งเรือง ในทุกๆด้าน  โดยเฉพาะ ทางด้านสถาปัตยกรรม ซึ่งยังคงมีให้เห็นจนถึงทุกวันนี้ และอันเนื่องมาจาก การที่นครเกียวโต มีอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ มากมาย จึงทำให้ ยูเนสโก ได้รับรองให้เกียวโตเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม ซึ่งอนุสรณ์สถาน ที่ได้รับการรับรอง มีด้วยกันทั้งสิ้นถึง 17 สถานที่ด้วยกัน...




เราเริ่มต้นเดินทาง จากที่พัก แบบสบายๆ ตื่นเมื่อไร ก็เมื่อนั้น วันนี้ตั้งเป้าไป เยือนมรดกโลก 2 สถานที่ คือไปวัดทองคิงคะคุจิ กับ วัดนินนานจิ ซึ่งทั้งสองแห่ง ต่างมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่งดงาม และ อยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกัน นั่นคือ อยู่ทางทิศเหนือ ของเมืองเกียวโต ช่วงที่เราไป ปรากฏว่า เป็นช่วงที่นักเรียน นักศึกษา เป็นจำนวนมาก เดินทางมาทัศนศึกษา ดังนั้นไม่ว่า เราจะไปที่ใด ก็จะต้องพบเห็น น้องๆ หนูๆ นักเรียน เต็มไปหมด มีทั้งเป็นหมู่คณะ และมาเป็นกลุ่ม ดูเด็กๆแล้ว ก็เพลินดี...

การท่องเที่ยวที่เมืองเกียวโต ทำได้ง่ายมากๆ ด้วยการนั่งรถเมล์ จากสถานีเกียวโต ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าของสถานี อยากไปเที่ยวที่ไหน ก็ไปยืนต่อแถวในช่อง ของหมายเลขรถเมล์ ที่มีชื่อสถานที่ท่องเที่ยว ที่เราจะไป ค่าโดยสารต่อเที่ยว คนละ 230 y

สำหรับเรา ซื้อ City Bus Pass 1 Day  = 500 y คือตั๋วเหมาแบบนั่งรถเมล์ ได้ทั้งวัน ซึ่งมีซุ้มขาย อยู่บริเวณป้ายรถเมล์ ข้อดีของการนั่งรถเมล์ ก็คือ ได้นั่งชมบ้านเมือง และที่สำคัญ คือ รถเมล์ส่วนใหญ่ จะจอดตรงหน้าสถานที่ท่องเที่ยว หรือไม่ ก็ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งเราชอบมาก วันนี้เราเดินทางไปเที่ยวทางเหนือของเมือง นั่งกันประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ถึง ป้ายรถเมล์ที่ลง ก็จะเป็นป้ายที่มีชื่อเดียวกับ สถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไป นั่นเอง...



การเดินทางไปวัดทอง / Kinkakuji Temple   จากสถานีเกียวโต นั่งรถเมล์หมายเลข 101 , 205 ลงป้าย Kinkakuji-michi ใช้เวลา 30-40 นาที แล้วเดินตามป้ายลูกศรชี้ ไม่นานก็ถึงทางเข้าวัด



ค่าธรรมเนียมสำหรับการเข้าชม คนละ 400 y เปิดตั้งแต่  9.00- 17.00 น.ช่วงที่เราไป ผู้คนหนาแน่นมาก ต่อคิวยาวเหยียด เพื่อรอซื้อตั๋ว แต่ไม่ต้องกังวล เพราะเมื่อเข้าไปแล้ว ทุกคนจะสามารถมองเห็น วัดทอง อันสวยสง่างาม ตั้งเด่น เป็นสง่า รอนักท่องเที่ยว และจะได้ภาพช็อทเด็ด แบบนี้ทุกคน เพราะมีการนำไม้ไผ่มากั้น เป็นรั้ว ล้อมรอบวัดทอง นั่นเอง



การเดินเข้าชม ก็ต้องเดินจากประตูทางเข้า แล้วไปออกทางประตูทางออกทีเดียว ระยะทางประมาณหนึ่งกิโลเมตร ไม่สามารถ ย้อนไป มา ได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่เต็มอิ่ม ก็สามารถใช้บัตรเดิม มาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งได้ ภายใน หนึ่งวัน..


วัดคิงคะคุจิ หรือ ที่คนไทยเรียกว่าวัดทอง ฝรั่งเรียก ปราสาททอง / Golden Pavilionได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในปี พ.ศ. 2537 ตัวศาลาทองทั้งหลัง ปกคลุมด้วยแผ่นทองคำบริสุทธิ์ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และ โบราณวัตถุมีค่าอื่นๆ สวยงาม สมราคา...



วัดนี้ ถูกนำไปอ้างอิง ในการ์ตูนดัง เรื่องเณรน้อยเจ้าปัญญา อิกคิวซัง ที่คนไทย และ คนเอเชีย ส่วนใหญ่ รู้จักกันดี ว่าเป็นปราสาทคิงคะคุจิ ของท่านโชกุน ทุกครั้งที่มีการกล่าวถึง ท่านโชกุน ก็จะมีภาพปราสาททอง ปรากฏขึ้นมาให้เห็นเสมอ เรียกได้ว่า เรารู้จักวัดทองนี้ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย กันเลยทีเดียว



จากปราสาททอง ซึ่งท่านโชกุนใช้เป็นที่พักผ่อน และรับรองแขกสำคัญๆ ต่อมาบุตรชายของท่านโชกุน ก็แปรเปลี่ยนให้เป็นวัดนิกายเซน..



บรรยากาศภายในวัด จะเป็นการจัดสวนแบบเซน ส่วนทางด้านขวามือนี้ เป็นเขตของพระ


ยังคงมีให้เห็น หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่น ที่นิยมใส่ชุดประจำชาติ มาทำบุญ ไหว้พระที่วัด สวยงามมาก


วิหารส่วนของพระ สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น อยู่ตรงบริเวณทางเข้า ก่อนจะซื้อตั๋ว


เราเดินเข้าไปชม วัดทองสองรอบด้วยกัน หลังจากที่รอบแรก แทบจะไม่ต้องเดิน ผู้คนเยอะมากกก รอบที่สอง ดีขึ้นหน่อย สามารถถ่ายรูปกับ ปราสาททองได้ด้วย เยี่ยมไปเลย คุณสามีถ่ายให้


ได้ภาพมาเป็นที่ระลึกแล้ว ก็เดินทางต่อไปที่ วัดนินนานจิ / Ninnaji Temple ขึ้่นรถเมล์ตรงป้าย ตรงกันข้ามกับวัดคิงคะคุจิ นั่งสาย 59 ไปลงป้าย เดียวกับชื่อสถานที่ที่เราจะไป Omuro-Ninnanji นั่งไปประมาณ 2-3 ป้ายก็ถึงแล้ว



มาถึงวัดนินนานจิ ก็หิวโซกเลย ตรงบริเวณหน้าวัด มีอยู่ 2-3 ร้าน แต่เห็นราคาแล้ว ไม่หวายจ๊ะ.. เล่นขายเป็นเซ็ท เซ็ทละ สี่ซ้าห้าพันเยนเองจ้า..ฮา เลยลองเดินลงไป ตามถนนเล็กๆ ตรงกันข้ามกับวัด เจอร้านนี้ ราคาโอเคเลย เป็นร้านขายเมนูร้อนๆ บรรยากาศร้าน สวยงามน่ารักมาก



ว๊าว มาแล้ว บะหมี่เส้นอุด้งร้อนๆ น่าตา น่ากินมาก เสริ์ฟพร้อมข้าว เส้นสด นุ่มเหนียวหนึบ ...อร่อยมากกก ขอบอก




ร้านนี้ อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ของเอกชน บรรยากาศแถวนี้ ชวนให้อยากเดินเล่นจริงๆ ชอบมาก บ้านเมืองทางเหนือของเกียวโต


กินอิ่มแล้ว เราเดินชมบ้านเมืองมาเรื่อยๆ จนถึงทางเข้าวัดนินนานจิ พบประตูทางเข้า / Nio-mon ที่ใหญ่โต มโหราญมากกก สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นแท้ๆ



วัดนินนานจิ ประกอบด้วยบริเวณ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นวัง กับส่วนที่เป็นวัด ส่วนที่เป็นวัง คือ วังโอมูโระ / Omuro Palace เมื่อเดินผ่าน Nio-mon ทางเข้าวัง จะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนของวัด จะต้องเดินตรงไปผ่านประตูแดง ที่เรียกว่า Chu-mon เราเริ่มต้นที่ วังโอมูโระ ตรงจุดนี้ เสียค่าธรรมเนียม คนละ 500 y




เราเดินเข้าทาง ประตูทางเข้าเล็กๆ ที่แนวริมทางเดิน จะมีดอกซากุระแซมอยู่ระหว่างทางเดิน แค่ทางเข้า ก็สวยสด งดงาม ชวนให้จิตใจ ชุ่มชื่น สงบ ....



เราเดินตาม ระเบียงทางเดินไม้ ที่ถูกออกแบบให้เป็นรูปฟันปลา เชื่อมต่ออาคารหลัก ผ่านห้องต่างๆ มากมาย ระหว่างทางเดิน เราผ่านสวนสวยงาม ที่ถูกตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกดื่มด่ำ ถึงความเป็นจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นในยุคก่อนเก่า อย่างบอกไม่ถูก ...


เราเดินผ่านห้องรับแขก , ห้องสำหรับพิธีการต่างๆ เนื่องจากวังแห่งนี้ เคยเป็นที่พำนักของจักรพรรดิ์ ดังนั้น สิ่งที่เราได้เห็น ได้ชม จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึง ความประณีต ละเมียด ละมัย ของชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ , วิหาร หรือ ในรูปแบบของสวน 



เราเดินมาตามระเบียง จนถึงสวนทางทิศใต้ ที่กว้างขวางกว่าสวนทุกทิศ สวนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยทรายสีขาว ที่มีเส้นจากคราด  เป็นจุดนำสายตา ไปยังส่วนต่างๆ มีต้นสนแซมเป็นระยะ เราหยุด นิ่ง มองตามทราย ให้เวลากับสถานที่นี้ ....



เราเดินผ่าน สวนสวยแต่ละจุด ให้ความรู้สึกที่สงบ จิตใจ เย็นลง ผ่านโบสถ์เล็กๆ สำหรับสวดมนต์ โบสถ์แห่งนี้ หันหน้าไปทางสวนสวย คนญี่ปุ่นมีรสนิยม ในการนั่งชมสวน ในทุกๆพิธีการ 





คุณสามี ขอสัมผัสกับ บรรยากาศแบบคนญี่ปุ่นยุคดั้งเดิม เสื่อนุ่มมาก สวยงาม และจะปรับสภาพ ไปตาม สภาวะอากาศได้เป็นอย่างดี


เราใช้เวลา ชมวังโอมูไระ นานเป็นพิเศษ ความเป็นตัวตนของคนญี่ปุ่น เป็นอย่างนี้ นี่เอง


หลังจากอิ่มเอม กับวังโอมูโระ เราก็เข้าไปชมสวนซากุระ สายพันธ์ Omuro Sakura ชื่อเดียวกับวังเลย เป็นซากุระพันธ์เตี้ย ที่บานช้า กว่าสายพันธ์ทั่วไป เข้าใจว่าเป็นสายพันธ์ ที่คิดค้นขึ้นมาสำหรับวัง Omuro โดยเฉพาะ... ตรงส่วนนี้ เสียค่าเข้าชมอีก 500 y 



เรามาในช่วงเวลาที่ซากุระ กำลังร่วงโรย คนญี่ปุ่นเรียก ช่วงเวลาที่ดอกซากุระกำลังร่วงโรย นี้ว่า เป็นช่วงความงามอันแสนเศร้า หรือ วะบิซะบิ หรือ ถ้ามองตามหลักปรัชญาแบบเซน ก็คือ การได้แลเห็นความไม่จีรังของชีวิต... 




ความงาม อันแสนเศร้า... ใน 1 ปี คนญี่ปุ่น เฝ้ารอคอยซากุระเบ่งบาน เพียงแค่ 1 สัปดาห์ เท่านั้น ที่ได้ชื่นชม ยามซากุระบาน คนญี่ปุ่นเรียกช่วงเวลานี้ว่า ฮานามิ และในยามนี้..วะบิซะบิ มาถึงแล้ว...

เราเฝ้ามอง ยามที่ดอกซากุระ ต้องลม ปลิวว่อน คล้ายดั่ง เกล็ดหิมะ ..ขาวโพลน ปกคลุมผืนหญ้า ผืนดิน



ดอกซากุระ กับเจดีย์แดง 5 ชั้น ที่วัดนินนานจิ ซากุระกับฉากหลัง อันคลาสสิค พบได้ที่ประเทศญี่ปุ่น เท่านั้น...



ดอกซากุระ บ่งบอกถึงความเป็นธรรมชาติ เจดีย์คือ ความเรียบง่าย ของพุทธศาสนา ... สะท้อนให้เห็นพุทธศาสนาแบบเซน...



เราเดินลอดอุโมงค์ซากุระ ในช่วงเย็นย่ำ ในยามที่ซากุระ กำลังร่วงโรย ..ที่นี่ สอนให้เรา ได้รู้จักกับสัจธรรมชีวิตได้ ในบัดดล..





เราเดินผ่านประตูแดง ที่เป็นส่วนของวัด เดินขึ้นเนิน พบกับ Kondo Hall , เจดีย์ 5 ชั้น ที่มีภูเขาเป็นฉากหลัง




วัดแห่งนี้ มีดอกไม้นานาพันธ์ สวยงามมาก เหมาะสำหรับพักผ่อนจิตใจ ได้เป็นอย่างดี



ซากุระ สายพันธ์ที่หาชมได้ยาก หาชมได้จากที่นี่...



วัดนินนานจิ เป็นวัดที่เป็นต้นแบบ ในการจัดสวนสวย วัดหนึ่ง ในยุคแรกเริ่ม จะมีการฝึกปรือฝีมือพระ ในการจัดสวน จนขึ้นชื่อลือชา จากรุ่นสู่รุ่น เมื่อมีการจัดสวนให้กับวัด ก็จะมีการเชิญพระจากวัดนินนานจิ ให้ไปช่วยอยู่เสมอ...



เราเดินชมจนวัดปิด ประตูใหญ่ Nio-mon ปิดแล้ว สมแล้ว ที่วัดนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก... 



ร่ำลาเจดีย์ 5 ชั้น วันนี้ รู้สึกสงบ อย่างบอกไม่ถูก ถ้าอยากรู้ว่า ความเรียบง่ายของพุทธศาสนา เป็นอย่างไร ต้องมาดู ที่เมืองเกียวโต พุทธศาสนาบ้านเรา ทำไมถึงได้แตกต่างกับ ที่นี่... มาวัด เราจะพบกับความสุข สงบ แต่ไปวัดบ้านเรา กลับรู้สึกวุ่นวาย กับพุทธพานิชย์ นานารูปแบบ.. หรือว่าบ้านเรา กำลังหลงทาง ...

ในวันพรุ่งนี้ เราจะไป เที่ยวเมืองอาราชิยามะ  กับเส้นทางที่แสนจะโรแมนติค ...



Unknown  – (18/11/60)  

คาสิโนออนไลน์ นับว่าเป็นผู้นำในเรื่องของการนำเสนอเกมส์พนันขันต่อรูปแบบแปลกใหม่ที่นักท้าพนันจะได้เข้ามาร่วมวางพนันขันต่อได้อย่างมีความสามารถบนช่องทางการบริการที่เป็นมาตรฐานมากที่สุดและยังสามารถทำให้นักพนันเข้ามาร่วมพบกับความชำนาญใหม่ในการเดิมพันที่นักการพนันจะต้องชื่นชอบไปกับการได้ร่วมเล่นพนันขันต่อทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการพนันรูปแบบใดทางคาสิโนออนไลน์ของเรายินดีทำให้นักพนันขันต่อมีความสำราญและประสบชัยชนะไป กับการเล่นพนันทุกแบบอย่างที่เรายินดีทำให้นักท้าพนันได้เข้ามาร่วมสร้างความช่ำชองพิเศษและมีความแปลกใหม่ในการพนันที่คุ้มค่ามุ่งเสนอเกมส์เดิมพันที่ส่งตรงจากคาสิโนต่างประเทศมาให้นักพนันได้ร่วมวางเดิมพันกันอย่างมากทุกเมื่อซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสการบริการที่นักเล่นการพนันจะได้เข้ามาวางเดิมพันได้ตรงตามความใคร่ของผู้เล่นพนันได้ทุกระยะเวลาและในยุคสมัยนี้การเดิมพันไปกับคาสิโนออนไลน์ยังยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งลู่ทางที่จะมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าและให้นักพนันเลือกเข้ามาวางเดิมพันอย่างที่นักพนันต้องการเลยทันทีเพียงนักเดิมพันเข้ามาร่วมสนุกกับเกมการเสี่ยงโชคของเราได้ที่เว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

Related Posts with Thumbnails