เที่ยวอาราชิยามะ,เยือนศาลเจ้าอินาริ...ด้วยตัวเอง

วันนี้เรายังคงอยู่ที่เกียวโต เป้าหมายคือการ ไปเที่ยวทางภาคตะวันตก และ ไปทางทิศใต้ ของเมืองเกียวโต เราเริ่มต้น ท่องเที่ยวที่เมืองอาราชิยามะ เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตก ที่ขึ้นชื่อว่า มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟ สายโรแมนติค ที่วิ่งลัดเลาะแม่น้ำ และ ภูเขา ...

การเดินทาง จากสถานีเกียวโต นั่งรถไฟ JR Sagano Line ลง สถานี Saga-Arashiyama ค่าโดยสาร คนละ 240 y ใช้เวลา ประมาณ 15 นาที ก็ถึงแล้ว แผนที่เส้นทางการเดินท่องเที่ยว ที่สถานี บอกเส้นทางการเดินเท้า ไว้เป็นอย่างดี ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน และควรไปในทิศทางใด

จากสถานี Saga-Arashiyama เราเดินเล่น ชมเมืองอาราชิยามะ เดินชมบ้านเมือง ชมวิถีชีวิต ของชาวอาราชิยามะ... เริ่มต้นจากบ้านนี้เลย คุณแม่ คุณลูก กำลังจะเดินทางไปไหน ก็ไม่รู้ ด้วยจักรยานฉบับคนญี่ปุ่น ครบเครื่อง สำหรับการเดินทาง คุณแม่หันมายิ้มให้ เราเลยขออนุญาติถ่ายรูปซะเลย น่ารักมาก..

ผ่านร้านขายต้นไม้ น่าซื้อไปปลูกมากมาย.. อยากซื้อๆ แต่กลัวไม่ผ่านด่านจ้า..

นี่ก็ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต ฉบับคนท้องถิ่นญี่ปุ่น อยากซื้ออะไร..จัดไป

เดินชมร้าน ชมบ้านสวยๆ ก็อดใจไม่ได้ ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกันสักหน่อย ...

ประตูทางเข้าบ้าน ในสไตล์ญี่ปุ่น โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชอบมาก

เดินไป ๆ นึกว่าหนุ่มญี่ปุ่นที่ไหน.. ที่แท้คุณสามี นั่นเอง..ฮา ทำตัว กลมกลืน เนียนเชียวนะ

เราและคุณสามี ต่างก็ชื่นชอบสไตล์ ในการจัดสวนของญี่ปุ่น โดยเฉพาะการนำหิน มาเป็นองค์ประกอบ เป็นที่ถูกใจเป็นพิเศษ พบที่ไหน เป็นต้องถ่ายรูปเก็บไว้ ตลอดเส้นทางการเดิน..

ที่นี่ ยังมีดอกซากุระให้เห็นอยู่บ้าง เราเดินมาจนสุดทาง ข้ามถนนตรงทางม้าลาย ก็พบวัดใหญ่ สวยงามอยู่เบื้องหน้า



นั่นคือ วัดเท็นริวจิ / Tenryuji Temple อีกหนึ่งวัดเซน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลก เป็นวัดที่สวยงามที่สุด น่าสนใจที่สุดแห่งเมืองอาราชิยามะ และติดอันดับต้นๆ ของเมืองเกียวโต กันเลยทีเดียว




เมื่อเข้ามาในบริเวณวัดแห่งนี้ เราจะพบกับสิ่งปลูกสร้าง ที่บ่งบอกว่าเป็นวัดของญี่ปุ่น สวยงาม.. พวกเราก็มาไหว้พระ ขอพร ให้เดินทางปลอดภัย ตามประสาชาวพุทธ ...



ในอดีตวัดแห่งนี้ เคยเป็นพระราชวัง มาก่อน และมีชื่อเสียงในเรื่องการจัดสวนสวย เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศกันเลยทีเดียว

เนื่องจากวัดเท็นริวจิ เป็นวัดในนิกายเซน จึงทำให้สิ่งปลูกสร้าง หรือแม้แต่ต้นไม้ ล้วนแล้วแต่ได้รับอิทธิพล มาจากเซน เมื่อเราเข้ามาภายในวัด จึงรู้สึกจิตใจสงบ นิ่ง ...  

มีเสาโทริอิ อยู่ด้านหน้าศาลเจ้า ใกล้ๆกับวัด เสาโทริอินี้เปรียบเสมือนประตูทางเข้า สู่สวรรค์ ตามคติความเชื่อ ของคนญี่ปุ่น เลยต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันสักหน่อย 

รูปปั้นดินเผาทานูกิ อีกหนึ่งตามคติความเชื่อของคนญี่ปุ่น ที่เชื่อว่า การตั้งรูปปั้นเจ้าทานูกิ ไว้ที่บ้าน ที่ร้าน ที่วัด ฯลฯ จะโชคดี มีชัย...

ตามทางเดิน บริเวณวัดพบพันธ์ไม้สวยงาม หนึ่งในนั้น กุหลาบพันธ์เลื้อย สีชมพู สวยงาม

หนึ่งในสปีชี่ส์ต้นเมเบิ้ล ใบเขียวอ่อนสวยงาม รอช่วงเวลา แดงผลัดใบ แต่ตอนนี้ชมดอกแดงห้อยระย้า ไปพลางๆ

ต้นสนกำลังเริ่มออกผล เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก สวยงามมากมาย

ป้ายบอกเส้นทาง รู้อย่างเดียว คือ เส้นทางไปรถไฟ JR ..ฮา ป้ายญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนี้ตลอด ถ้าเป็นไปได้ จะไปเที่ยวที่ไหน มีภาพสถานที่ท่องเที่ยวไปด้วย ตัวช่วยเวลาถามทาง..จะดีมากๆ เส้นทางที่เราจะไปต่อ ก็คือป่าไผ่ ออกจากวัดเท็นริวจิ ก็เลี้ยวซ้าย สังเกตุป้ายดีๆ นะจ๊ะ เพราะป้ายจะไม่เด่น และเล็กด้วย ตรงทางเข้าก็เป็นเพียงถนนแคบๆ แต่ผู้คนเดินเข้า-ออก ตลอดเวลา

ถึงแล้ว ป่าไผ่อันอลังการณ์ ช่วงนี้เด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา มากมาย เดินสวนกันตลอดเวลา อันเนื่องมาจากทางเข้า สามารถเข้าได้ทั้งทางต้นทางและปลายทาง ไม่ต้องกลัวเปลี่ยว อบอุ่นตลอดทาง

เดินสวนกับคุณน้องหนู เราขอถ่ายรูป คุณน้องก็จัดเต็มให้เลย ตามประสาวัยรุ่นญี่ปุ่น..ฮา 

ป่าไผ่สุดคลาสสิค เหมือนกำลังเดินย้อนยุคไปในสมัยโบราณ แอบโรแมนติคเล็กน้อย อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับคนรักธรรมชาติ เดินไป ฟังเสียงลำต้น ใบไผ่ เสียดสี เป็นทำนองเพลงที่สร้างสรร โดยธรรมชาติ ...

ได้มาสัมผัส กับผืนป่าใหญ่ ที่เต็มไปด้วยต้นไผ่เขียวชอุ่ม ก็ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย..  

คุณสามีทดสอบ ความแข็งแรงของต้นไผ่ท่อนนี้ อือม..แข็งแรง ใช้ประโยชน์ได้จริง ผ่านการทดสอบ..

สุดทางป่าไผ่ จะมีป้ายบอก ไปสถานีรถไฟ นั่นคือ สถานี Arashiyama หนื่งในสถานีย่อยของ รถไฟสายโรแมนติค / Saga Scenic Railway ที่เร่ิมต้นจาก สถานี 1.Saga Torokko - 2.Arashiyama Torokko - 3.Hozukyo Torokko - 4.Kameoka Torokko และรถไฟ จะมาถึงแต่ละสถานีชั่วโมงละคัน เช่นจากสถานี Arashiyama จะมีในเวลา 9.10 น., 10.10 น. จนถึง 17.10 น...

รถไฟในสไตล์ย้อนยุคโบราณ วิ่งผ่านหุบเขาและแม่น้ำ ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติ ... ด้วยค่าโดยสารรถไฟ 600y /เที่ยว ด้วยระยะทาง 7 กิโลเมตร ใช้เวลาทั้งหมด 25 นาที เส้นทางสายโรแมนติคแห่งนี้ ดูเหมือนจะได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี.. เต็มในทุกรอบ

เส้นทางรถไฟนี้ วิ่งผ่านหุบเขา และแม่น้ำ Hozugawa ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามมาก เรานั่งนิ่งๆ  ค่อยๆซึมซับธรรมชาติ จาก 2 ข้างทาง บางช่วง บางตอน ระหว่างทาง ก็มีเสียงตามสาย เป็นการร้องเพลงญี่ปุ่น แบบย้อนยุคแบบสดๆ สร้างอารมณ์และบรรยากาศการชมวิวได้เป็นอย่างดี

รู้สึกสดชื่น หายเหนื่อย หายเมื่อยกับการเดินเท้าเป็นกิโลๆ ไปในบัดดล ยิ่งเวลารถไฟวิ่งผ่านต้นซากุระ ริมน้ำ ริมเขา เสียงกรี๊ด เสียงฮือฮา จะดังเป็นระยะๆ.. เรียกได้ว่า มีความสุขตลอดเส้นทาง...

ระยะทางมาสิ้นสุดที่สถานี Kameoka และรับผู้โดยสาร ในเที่ยวต่อไปทันที สถานีแห่งนี้ สวยงามมาก ตัวสถานี ประดับด้วยไม้สีโอ๊กทั้งสถานี มองเห็นทุ่งกว้าง หากมาในยามที่มีการทำเกษตร จะเห็นทุ่งผัก ทุ่งดอกไม้ เต็มท้องทุ่ง...

ที่สถานีแห่งนี้ ต้อนรับด้วย เหล่าทานูกิ น้อยใหญ่  สัญลักษณ์แห่งความโชคดี ..ขอให้ผู้มาเยือน โชคดีมีชัย กันทุกๆคนจ๊ะ... จากสถานีแห่งนี้ เดินกินลม ชมวิวไป ไม่นานก็ถึง สถานีรถไฟ JR Umahori เพื่อเดินทางต่อไปที่ สถานีเกียวโต ไปเที่ยว ศาลเจ้าฟูจิมิ อินาริ ต่อไป

การเดินทางไปศาลเจ้าฟูจิมิ อินาริ จากสถานีเกียวโต นั่ง JR Nara ลงสถานีที่ 2 สถานีฟูจิมิ อินาริ ชื่อเดียวกันเลย ออกจากสถานี เห็นศาลเจ้าอยู่ตรงกันข้าม มองเห็นเสาโทริชัดเจน แต่เรายังไม่เข้าไป เพราะอย่างหิว จึงเดินเลี้ยวซ้าย ไปหาของกิน ไปตามกลิ่น..ฮา

เราเดินไปตามกลิ่นจริงๆ ฮา .. ยิ่งเดินไป ก็ยิ่งหอม เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เจอคุณป้า กำลังย่างปลาไหลญี่ปุ่น ซึ่งละแวกนี้ ถือว่าเป็นถิ่นข้าวหน้าปลาไหล อันเลื่องชื่อ...ต้องลองๆ

หอมน่าทานมากกก แต่ราคา ไม่หอมเลย ที่เห็นติดราคาที่ป้าย ไม่ใช่เลยนะ ...ฮา

หน้าตา ข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่น อร่อยจริง...  แต่ถ้าคิดเป็นเงินไทย แหม่..เสียดาย ตังค์..ฮา

จากนั้น ก็เดินเข้าศาลเจ้า เพื่อสักการะขอพร ตามธรรมเนียมของคนญี่ปุ่น.. ที่ศาลเจ้าฟูจิมิ อินาริ ศาลเจ้าแห่งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล อย่างเป็นทางการ ถ้าเป็นบ้านเราก็ถือว่า เป็นวัดอารามหลวง และไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น..

อีกหนึงวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น จะต้องล้างมือ บ้วนปาก ด้วยน้ำจากบ่อน้ำหน้าศาลเจ้า ก่อนเข้าศาลเจ้า เพื่อเป็นการชำระล้าง สิ่งที่ไม่ดี ที่อาจติดตัวเรามา ซึ่งก็เหมือนเป็นการชำระล้าง ทำตัวเราให้บริสุทธิ์ สะอาด ก่อนเข้าไปในสถานที่ ที่เป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้า...

ประตูศาลเจ้า หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า โทริอิ ถูกเรียงราย ทอดยาว จากตีนเขา ไปจนถึงยอดเขา นับเป็นหมื่นๆ ต้น ตามความเชื่อที่ว่า การได้นำประตูศาลเจ้ามาบริจาคที่นี่ จะเป็นสิริมงคลกับชีวิต ...

การนำ โทริอิ มาบริจาค เป็นคติความเชื่อ ของลัทธิชินโต ซึ่งเป็นลัทธิความเชื่อดั้งเดิมของคนญี่ปุ่น ลัทธิชินโต เติบโตมาจาควัฒนธรรมท้องถิ่น และธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในปัจจุบันลัทธิชินโต ถูกจัดให้เป็นลัทธิบูชาเทพเจ้า นั่นเอง..

บริษัทห้างร้านต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น นิยมนำประตูศาลเจ้า มาบริจาค จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ลองคิดดูว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจของโลก จะมีบริษัทมากมายแค่ไหน ที่แห่แหนกันมาบริจาค ว่ากันว่า ถ้าเดินลอดอุโมงค์เสาโทริอิทั้งหมด ต้องใช้เวลานาน 2-3 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว

เสาโทริอิ ที่เรียงรายนับหมื่นๆต้นนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเรา ตะลึงไปกับความสวยงาม และพลังศรัทธา ในการนับถือบูชาเทพเจ้า ของคนญี่ปุ่น อุโมงค์สีแดงแห่งนี้ นับว่าเป็นสถานที่ ที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว ให้มาเยือนเมืองเกียวโต ได้เป็นอย่างดี.. ไม่ได้มาที่นี่ ก็อาจถือได้ว่า มาไม่ถึงเมืองเกียวโต นะจ๊ะ...

ที่ศาลเจ้าอินาริแห่งนี้ สัญลักษณ์ของผู้นำศาล หรือ เทพเจ้า ก็คือสุนัขจิ้งจอก ซึ่งมาจากพระเจ้าแห่งธัญพืช รูปปั้นของสุนัขจิ้งจอกจึงถูกสร้างไว้ ตั้งแต่ประตูทางเข้า เรื่อยไป ... คุณสามีอธิษฐานขอพร จากเทพเจ้าแห่งธัญพืช ให้ทำมาค้าขาย เจริญรุ่งเรือง...  ในวันนี้ อิ่มเอมใจไปกับ ขนบธรรมเนียมประเพณีของคนญี่ปุ่นกันไป... 

ประชาชนคนธรรมดา ก็นำเสาโทริอิ มาบริจาค เพื่อความเป็นสิริมงคล ตามกำลังศรัทธา... เราจึงพบเห็น เสาโทริอิ ขนาดเล็ก จนถึง ขนาดใหญ่ เรียงราย อยู่เต็มบริเวณศาลเจ้า...

เสาโทริอิ ขนาดใหญ่ที่สุด และเป็นเสาแรกที่ถูกนำมาบริจาคไว้บริเวณด้านหน้า ทางเข้าศาลเจ้าอินาริ โดยท่าน โตโยมิ ฮิเดโยชิ รัฐบุรุษผู้สร้างชาติ และ ผู้สร้างปราสาทโอซาก้า นั่นเอง

จะเห็นได้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นดูแล ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นอย่างดี แม้นเวลาจะผ่านไปแค่ไหน สีแดงส้มของเสาโทริอิ ยังคงสดใส สวยงาม เหมือนเพิ่งมาวางไว้...สมกับเป็นศาลเจ้าลำดับขั้นที่ 1 ของ ลัทธิชินโต...

จากศาลเจ้าอินาริ เราเดินทางกลับมายัง สถานีเกียวโต ซึ่งสถานีแห่งนี้ ต้องบอกว่า ยิ่งใหญ่ อลังการณ์งานสร้าง สามารถเที่ยวอยู่ในสถานีนี้ได้ทั้งวัน เพราะภายในสถานี ประกอบไปด้วย ห้างสรรรพสินค้า ร้านอาหาร และชั้นบนสุด มี Skywalk ให้เดินกินลม ชมวิว ให้เสียวเล่น อีกด้วย เราตั้งใจมาเที่ยวสถานีแห่งนี้ ก่อนที่จะอำลาไป นครโตเกียว ในวันพรุ่งนี้...

แต่ก่อนอื่น เริ่มต้น มาสำรวจ รถไฟความเร็วสูง ชินคันเซ็น กันก่อน วิ่งปรื๊ดๆ มาในทุกๆ 15 นาที เร็วสะใจ รูปแบบทันสมัย โฉบเฉี่ยว...เฟี้ยว 

คุณสามีเรียก ชินคันเซ็น ว่า รถหัวปลาหลาม (ฉลาม ) ดูกันเอาเอง ว่าเป็นหัวอะไร เตรียมความพร้อม ว่าพรุ่งนี้ จะไปเกียวโต ต้องไปขึ้นที่ช่องไหน อย่างไร ถือโอกาสจองที่นั่งไว้เลย ...เอาละ พรุ่งนี้ พร้อมลุยแล้ว...เย้

เที่ยวชมหอ เกียวโต / Kyoto Tower ที่อยู่ด้านหน้าสถานีเกียวโต จนอิ่มหนำสำราญใจ ราตรียังอีกยาวไกล เราจึงไปเดินเล่นชมเมืองเกียวโต เดินเล่นย่านกิอง ตามล่าหาเกอิชา ส่งเกอิชาเข้านอน แล้วเราก็กลับที่พัก เก็บข้าว เก็บของ เตรียมผจญภัยกันต่อไป...

เกียวโต เมืองแห่งมรดกโลก ที่มีอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์มากถึง 17 แห่ง และเมื่อมีการคิด สัดส่วน เรื่องสมบัติของชาติ และ ความเป็นมรดกโลก ทางวัฒนธรรม ร้อยละ 20 อยู่ที่เมืองแห่งนี้ ก็ว่าได้ ไม่ว่าเราจะไปท่องเที่ยวที่ไหน เราก็จะพบมรดกโลก อยู่เสมอ เป็นที่น่าภาคภูมิใจ ของประเทศนี้... การได้มาเยือน ได้มาเรียนรู้ วิถี ขนบธรรมเนียม ประเพณี ของประเทศนี้ ทำให้ห้องเรียนวิชาใหม่ ของเราในวันนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วย การสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต จบหลักสูตรโรงเรียนเกียวโต...  ในวันพรุ่งนี้เราจะไปไล่ล่าความเป็นญี่ปุ่น ที่มหานครโตเกียว...