นครวัด นครธม (1)


เมื่อครั้งสมัยที่เรายังอยู่ในวัยเรียน เราเคยตั้งใจไว้ว่า สักวันจะต้องไปเที่ยวที่ นครวัด นครธม 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า ที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชาให้จงได้ จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้ไปสักที ถ้าไม่ติดงาน ก็เป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ ที่มีกรณีพิพาทกัน แต่ในที่สุด ในวันที่ไม่มีแผนการ ในวันที่ฟ้าใส ที่สุดเราก็ได้ไปเยือนนครวัด นครธม สมใจ

ในการเดินทางครั้งนี้ เราเดินทางแบบไปตลุย แบกเป้สะพายกล้องไปกับคุณสามี เราได้ทำการรวบรวมเรื่องราวขั้นตอนการเดินทางโดยละเอียด ไว้ใน " บันทึกการเดินทางไปนครวัด นครธม "  เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการไปเที่ยวด้วยตัวเอง... การเดินทางคือการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้กับเรา นั่นเอง



อาณาจักรขอม คือ แหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ชนชาติขอม ได้สร้างศิลปวัฒนธรรม ไว้มากมาย และที่ปรากฎให้เห็นชัดเจนที่สุด ก็คือ โบราณสถาน ที่เรียกว่า ปราสาท ที่มีอยู่มากมาย และ หนึ่งในนั้น ก็คือ ปราสาทนครวัด นครธม ที่เป็นแหล่งรวม สุดยอดของสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า รวมถึงความยิ่งใหญ่ อลังการ ที่ไม่น่าเชื่อว่า จะเกิดขึ้นได้ด้วยน้ำมือของมนุษย์เมื่อพันกว่าปีมาแล้ว

ภาพของปราสาทนครวัด ที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้า ทำให้เราตะลึงไปขั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะรีบบันทึกภาพไว้ เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เห็นภาพในหนังสือมามากมาย วันนี้ได้สัมผัสด้วยตัวเอง ได้มาเห็นของจริง อดที่จะตื่นตาตื่นใจ ไปกับความยิ่งใหญ่อลังการไม่ได้ มิน่า มีคำกล่าวของ ฮาโนลด์ ทอยน์ นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ ที่ว่า.."see Angkor Wat and die" ประมาณว่า ได้มาเห็นนครวัด ถึงตายก็ไม่เสียใจแล้ว...เพราะเห็นแล้ว ก็รู้สึกคุ้มค่าจริงๆ



ปราสาทนครวัด คือสุดยอดของปราสาทหิน ที่มีความยิ่งใหญ่อลังการที่สุด ในบรรดาปราสาทขอมทั้งหมด นอกจากนี้ ยังเป็นปราสาทขอมแห่งเดียว ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งถือว่าเป็นทิศของผู้ตาย ดังนั้นจึงมีการสันนิษฐานว่า ปราสาทนครวัด น่าจะเป็นเทวสถาน ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ลัทธิไวษณพนิกาย สำหรับเก็บพระบรมศพ ของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งในยุคนั้นก็คือ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 นั่นเอง

เราเริ่มเห็นความอลังการตั้งแต่ทางเข้า ที่เริ่มจากสระน้ำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบปราสาท ก่อนจะเดินเข้าไป จะพบประติมากรรมลอยตัวเป็นรูปสิงห์ดูน่าเกรงขาม เฝ้าอยู่ทั้งสองด้าน



และนี่คือฝั่งด้านขวา สระน้ำนี้ สมัยนั้น ถือว่าเป็นคูน้ำ จะถูกขุดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว้างยาวรวมกัน 5 กิโลเมตรครึ่ง คูน้ำมีความกว้างประมาณ 200 เมตร ทางเข้านี้ จะต้องเดินข้ามสะพานที่ปูด้วยแผ่นหิน ก่อนถึงกำแพง ที่ล้อมรอบหมู่ปราสาทไว้อีกชั้นหนึ่ง



และนี่คือทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินทรายทึบตัน ขนาดใหญ่ ที่วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เราต้องเดินข้ามสะพานนี้ ก่อนจะถึงซุ้มประตู หรือ โคปุระ ที่มีอยู่ทั้ง 4 ด้าน ซึ่งจะถูกเชื่อมต่อกับแนวกำแพง ที่โอบล้อมปราสาทนครวัดทั้งหมด

เราถ่ายรูปเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความยิ่งใหญ่ มนุษย์อย่างเราตัวเท่านี้ ในการก่อสร้างครั้งนั้น มนุษย์อย่างเราๆจะก่อสร้างปราสาทหิน ขนาดใหญ่ อลังการได้อย่างไร นี่ขนาดทางเดินเข้าปราสาท นะเนี่ย...


ภาพจากมุมสูง มองเห็นความยิ่งใหญ่ของซุ้มประตู หรือ โคปุระ ฝั่งทางเข้า ยามเมื่อผู้คนเดินเข้ามาได้อย่างชัดเจน ซุ้มประตูแห่งนี้ คือซุ้มประตูฝั่งทิศตะวันตก ถือได้ว่าเป็นโคปุระที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับโคปุระของปราสาทขอมแห่งอื่น โคปุระด้านนี้มี 3 ซุ้ม ซุ้มใหญ่ตรงกลางสำหรับพระมหากษัตริย์ ส่วนด้านข้าง เป็นซุ้มสำหรับพราหมณ์และ ข้าราชบริพารชั้นสูง




ทางด้านหน้าซุ้มประตูใหญ่ มีประติมากรรมลอยตัวรูปพญานาค 7 เศียร อยู่ทั้งสองด้าน



เมื่อเราก้าวเข้าไปภายในโคปุระซุ้มกลาง หากเดินเลี้ยวขวา จะพบกับเทวรูปพระวิษณุหรือ พระนารายณ์ 8 กร เป็นรูปสลักลอยตัว ที่มีขนาดใหญ่มาก ผู้คน โดยเฉพาะคนท้องถิ่นจะนิยมมาสักการะบูชา มากมาย



ที่ซุ้มประตู ตรงผนังกำแพง จะพบรูปสลักนางอัปสร ตลอดแนวกำแพงยาวหลายสิบเมตร นางอัปสรมีสถานะเป็นเทพธิดา ผู้พิทักษ์เทวสถาน นางอัปสรบริเวณนี้ ถือเป็นภาพสลักที่งดงามที่สุดชุดหนึ่ง ของปราสาทนครวัดกันเลยทีเดียว



นางอัปสรที่ปราสาทนครวัด จะมีลักษณะเฉพาะตัวตามแบบนครวัด นั่นคือ การนุ่งผ้าลาย ชักชายออกมาทั้งสองข้าง ของลำตัว ซึ่งถ้าเราไปดูปราสาทแห่งอื่น ก็จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป


ลักษณะเด่นอีกอย่างของนางอัปสร ที่นครวัด คือมีเครื่องประดับศรีษะ เป็นรูปดอกไม้กลมเรียงกัน 3 ดอก และมียอดแหลมอยู่ข้างบน แต่ละนางจะมีกิริยาอ่อนช้อยดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งสิ่งนี้เอง เป็นตัวบ่งชี้ถึงอัจฉริยะภาพของ ช่างขอมโบราณ ที่สามารถถ่ายทอด ความรู้สึกออกมาได้ อย่างน่าชื่นชม




ออกจากโคปุระ เดินตามทางเดินยาว ที่ปูด้วยหินทราย ระหว่างทางจะมีอาคารบรรณาลัย หรือห้องสมุดขนาดใหญ่ 2 หลัง อยู่ทั้งสองด้าน อีกไม่นานเราก็จะถึงศูนย์กลางของปราสาทกันแล้ว




ก่อนถึงทางเข้าศูนย์กลางของปราสาท จะเป็นลานสำหรับ พระเจ้าแผ่นดินประทับเวลาทอดพระเนตร การฉลองหรือขบวนแห่ต่างๆ




จากนี้ไป ก็จะเป็นการก้าวสู่อาณาเขตอันศักสิทธิ์ ที่เรียกว่า ศูนย์กลางของจักรวาล หรืออีกความหมายหนึ่่ง ก็คือใจกลางของปราสาทนั่นเอง และจากจุดนี้จะต้องผ่านโคปุระของระเบียงคตชั้นนอก


ความอลังการ ของส่วนระเบียงคตชั้นนอก ก่อนจะถึงใจกลาง ของปราสาทนครวัด


ทางเข้าโคปุระทางด้านทิศตะวันออก เราสามารถเข้าสู่โคปุระของระเบียงคตชั้นนอก ได้ในทุกทิศทาง แต่จะมีเพียงโคปุระด้านทิศตะวันตก ด้านเดียว ที่เชื่อมต่อกับโคปุระชั้นกลาง เพื่อเข้าสู่ปรางค์ประธาน




ระเบียงคตชั้นนอก อันเลื่องชื่อ ตลอดแนวระเบียงอันยาวเหยียด มีภาพสลักนูนต่ำ เล่าเรื่องราวต่างๆ ไว้มากมาย ตลอดแนวระเบียงซุ้มประตูทั้งสี่ด้าน ซึ่งว่ากันว่า หากพลาดชม ก็เหมือนยังมาไม่ถึงนครวัด นั่นเอง



และที่รู้จัก กันเป็นอย่างดี คือภาพสลัก พิธีการกวนเกษียรสมุทร ซึ่งอยู่ทางระเบียงภาพทิศตะวันออกฝั่งใต้ ภาพสลักเล่าเรื่องพิธีการกวนเกษียรสมุทร เพียงฉากเดียว ตลอดความยาวของผนังเกือบ 50 เมตร



กล่าวกันว่า ภาพบนผนังด้านนี้ งดงาม ดูมีพลังและมีชีวิต ชีวาที่สุด สามารถตรึงสายตาทุกคน ที่มาชมให้หยุดอยู่ที่ภาพนี้ได้นาน กันเลยทีเดียว



ภาพสลักเรื่องราวพระราชกรณียกิจ ของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ภาพมีความยาวไปตามแนวระเบียงถึง 94 เมตร อยู่ทางระเบียงด้านทิศใต้ฝั่งตะวันตก


ภาพการรบที่ทุ่งกุรุเกษตร หรือ มหาภารตยุทธ ที่ระเบียงภาพ ด้านทิศตะวันตกฝั่งใต้ ภาพสลักมีความยาวประมาณ 49 เมตร เหล่านี้เป็นต้น ภาพแกะสลักอันวิจิตรบรรจง ทั้งหลายนี้ สะท้อนให้เห็นถึงอัจฉริยะภาพของช่างแกะสลักขอม ซึ่งส่งผลให้นครวัด กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ได้อีกแรงหนึ่ง นั่นเอง



จากระเบียงคตชั้นนอก มีเพียงซุ้มประตูด้านทิศตะวันตก เพียงด้านเดียวที่เชื่อมต่อกับระเบียงชั้นกลาง ผังโครงสร้างของระเบียงคตชั้นกลาง มีลักษณะเดียวกับระเบียงคตชั้นนอก แต่ขนาดจะลดลง ระเบียงชั้นนี้ไม่มีรูปสลักเล่าเรื่อง แต่ด้านในของระเบียงจะมีภาพสลัก ของนางอัปสรา อยู่มากมาย




ภาพสลักของนางอัปสร ที่ระเบียงคตชั้นกลางนี้ มีความงดงาม อ่อนช้อย กว่าที่ระเบียงส่วนอื่น



ภาพสลักนางอัปสร แต่ละนางกำลังร่ายรำ ด้วยใบหน้าซ่อนยิ้ม และทั้งใบหน้า ทรงผม เครื่องประดับ จะไม่ซ้ำแบบกันเลย นางอัปสรที่นี่ สวยงามที่สุด ตั้งแต่ได้เห็นมา..




นางอัปสร กำเนิดมาจากพิธีการกวนเกษียรสมุทร ของเหล่าเทวดาและอสูร เพื่อให้ได้น้ำอมฤต เพื่อให้มีชีวิตอมตะ และก่อนที่จะได้น้ำอมฤต ได้เกิดนางอัปสรนับหมื่น นับแสนนาง ผุดขึ้นเหนือน้ำ เหล่าเทวดาจึงได้นำนางอัปสรเหล่านั้น มาเป็นผู้รับใช้เทพเจ้า แห่งเทวสถาน นั่นเอง


นางอัปสรที่นครวัดแห่งนี้ มีจำนวนเกือบ 2,000 นาง ล้วนแล้วแต่เป็นภาพสลักที่งดงามทั้งสิ้น เราชอบตรงทรงผมที่สุด ดูมีชีวิต ชีวา มา..กก



ใหนๆ ก็หลงรัก นางอัปสราเข้าให้แล้ว ก็ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันซักหน่อย ...1 2 3...แช๊ะ




ระเบียงคตชั้นกลาง อันวิจิตร มีลวดลายแกะสลักอันละเอียดและสวยงาม ว่ากันว่าช่องหน้าต่างรอบระเบียงคต อันอ่อนช้อยนี้ งดงาม จนเกินกว่าจะบรรยายจริงๆ




จากระเบียงคตชั้นกลาง ถึงทางขึ้นอันสูงชัน ซึ่งนำไปสู่ฐานชั้นบนสุด ซึ่งเป็นที่ตั้งของปรางค์ประธาน อันเป็นที่ประดิษฐานโกศพระบรมศพ ของพระสุริยวรมันที่ 2 ณ ขณะนี้ เรายืนอยู่บนยอดมหาปราสาทอันสูงสง่า และงดงาม มองเห็นความยิ่งใหญ่ไปทั่วทุกทิศ เกินกว่าจะหาคำบรรยายใดๆ ด้วยความที่รู้สึกว่าคุ้มค่าจริงๆ ที่ได้มาชม


มุมมองปราสาทนครวัด จากประตูทางเข้า ฝั่งทิศตะวันออก มองเห็นความยิ่งใหญ่ ของยอดปรางค์ อันเป็นศูนย์กลาง ของปราสาท ได้อย่างชัดเจน



และกิจกรรมยอดฮิตของการมาเที่ยว นครวัด นครธม ก็คือการไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่ปราสาทนครวัด ซึ่งเราจะได้เห็นแสงแรก ของตะวัน สาดส่องมาที่ปรางค์ทั้ง 5 ยอด ของปราสาทนครวัด เป็นฉากที่น่าชมจริงๆ



เส้น แสง เงา ทาบประติมากรรมสิงห์ ดูลึกลับ น่าค้นหา



มุมมอง ยอดปรางค์นครวัด ผ่านหน้าต่าง ที่บรรณาลัย ฝั่งซ้าย


เมื่อแสงแรก แห่งตะวันมาเยือน สองตายาย ก็ไม่พลาดช็อตแห่งความทรงจำ ที่ปราสาทนครวัดแห่งนี้...สุดยอด ประทับใจไม่รู้ลืม... เราจะไปเยือนนครธม ในตอนต่อไป อย่าลืมติดตามนะจ๊ะ


นที  – (7/9/59)  

อ่านเข้าใจง่ายมากๆ รูปสวยงาม ขอบคุณครับ

นที  – (7/9/59)  

อ่านเข้าใจง่ายมากๆ รูปสวยงาม ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น

Related Posts with Thumbnails