เที่ยวหอบูชาฟ้าเทียนถาน..ด้วยตัวเอง

จากการเดินทางไปเที่ยวเมืองปักกิ่งด้วยตัวเอง เราได้พบกับความประทับใจอันดับแรก คือ การได้สัมผัสกับหิมะอย่างชุ่มฉ่ำ ในตอนที่ 1 และได้ไปชมความยิ่งใหญ่ของกำแพงเมืองจีนยามหิมะปกคลุม ในตอนที่ 2 ในตอนนี้ เราจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับความยิ่งใหญ่ สวยงาม ระดับมรดกโลก ของหอฟ้าเทียนถาน ที่มีความสูงราว 40 เมตร แต่การก่อสร้างไม่ใช้ตะปู แม้แต่ตัวเดียว

ตอนที่ 3 เยือนหอบูชาฟ้าเทียนถาน

 ในวันนี้ เราตั้งใจว่า จะเป็นวันเดินทางแบบสบายๆ เบาๆ หลังจากที่ เดินกันอย่างแสนสาหัส ตอนไปกำแพงเมืองจีน จึงขอเลือกมาชมหอฟ้าเทียนถาน ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก เราพักอยู่ที่ย่านเฉียนเหมิน ตามข้อมูลสามารถนั่งรถเมล์ สาย 20 ลงทางประตูทิศใต้ แต่ปรากฏว่าระหว่างที่รอรถเมล์ เราสอบถามเจ้าหน้าที่ ที่ประจำอยู่ตามป้ายรถเมล์ ซึ่งคอยทำหน้าที่แนะนำ โบกรถเมล์ให้กับผู้โดยสาร เค้าก็ยืนยันว่าไปสาย 20 ผ่านแน่ๆ เรารออยู่สักพัก ก็มีรถเมล์สาย 120 วิ่งมาจอด เจ้าหน้าที่ก็ไล่เราให้ขึ้นรถเมล์สายนี้ บอกว่าไปเหมือนกัน สุดท้ายเราก็ได้มาลงที่ ฝั่งประตูทิศตะวันออก โดยพอลงจากรถ ก็ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ก็ถึงพอดี



และเป็นอะไรที่โชคดีมาก ที่เราได้เข้าประตูฝั่งนี้  เพราะสองฝั่งทางเดินเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น สวยงามมาก ที่นี่นอกจาก จะเป็นโบราณสถานที่สำคัญในสมัยนั้น ปัจจุบันยังถือเป็นสวนสาธารณะ สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ เป็นปอดของเมือง ได้เป็นอย่างดี ที่นี่เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 8.00 - 17.00 น. ค่าเข้าชม ในเดือนพ.ย 30 หยวน แต่สำหรับผู้สูงอายุคนจีน สามารถเข้ามานั่งพักผ่อนในสวนได้ ไม่เสียสตังค์ สุดยอดเลย



ดังนั้นเมื่อเข้ามาด้านใน ก็จะพบกับกิจกรรมของผู้สูงอายุมากมาย ที่มีให้เห็นกันตามส่วนต่างๆของสวน สมัยใหม่ขึ้นมานิด ก็นี่เลย ลีลาศ เรายังอดเคลิบเคลิ้มไปกับลีลาของท่านเหล่านี้ เข้ามาอยู่ในนี้แล้วมีความสุข ผ่อนคลาย อย่างบอกไม่ถูก





ถ้าเป็นผู้สูงอายุ แนวอนุรักษ์ ก็ต้องนี่ ฝึกข้อมือ เขียนพู่กันจุ่มน้ำบนทางเท้า เรียกความสนใจ จากผู้ชมได้เป็นอย่างดี


คุณลุงคนนี้ ตั้งใจเขียนเป็นอย่างมาก ลายมือสวยจริงๆ ไม่รู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ของจีน เขียนหนังสือด้วยพู่กัน กันได้บ้างมั๊ย ท่ามกลางแมกไม้ อากาศเย็นๆ ที่ 10 องศา มีกิจกรรมทำ ก็เพลินดี




ต้นไม้สูงใหญ่ สองข้างทาง โน้มกิ่งเข้าหากัน สวย คลาสสิคมาก จนอดไม่ไหว ต้องถ่ายรูปมาฝากกัน และเราเพิ่งจะมารู้ภายหลังว่าต้นไม้เหล่านี้คือ ต้นไป๋ ที่มีอายุนับร้อยปี มีผู้บันทึกสถิติไว้ว่า มีถึง 4,000 ต้น ในบริเวณหอฟ้าเทียนถานแห่งนี้




และช่วงนี้ ฤดูกาลกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มรูปแบบ ใบไม้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนสี สวยงาม มากมาย



ช่วงนี้ เป็นช่วงฤดูใบไม้กำลังเปลี่ยนสี ก่อนที่ใบไม้จะร่วงเหลือแต่กิ่งก้าน เราชมใบไม้เปลี่ยนสี ที่สวนแห่งนี้ อย่างมีความสุข จริงๆ




คุณสามี ก็ชื่นชอบต้นไป๋ เป็นพิเศษ เช่นกัน คนจีนในสมัยก่อน จะนิยมปลูก ต้นไป๋ , ต้นสน ไว้ตามสถานที่สำคัญๆ เช่น ตามวัดวา อาราม สุสาน ฯลฯ



จากเส้นทางของแมกไม้ เราเดินตรงมา ขึ้นบันได จนพบแนวทางเดิน เชื่อมต่อระหว่าง ตำหนักสักการะ กับ แท่นบรวงสรวงฟ้า



เราเลือก มาทาง ตำหนักสักการะ หรือ ฉีเหนียนเตี้ยน มองเห็นยอดหลังคาของตำหนัก หุ้มด้วยทอง ตัดกับสีน้ำเงินของกระเบื้องเคลือบ สวยงาม




พบแล้ว ตำหนักสักการะ หรือ ฉีเหนียนเตี้ยน ซึ่งถือเป็นตำหนัก ที่เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีเอกลักษณ์แบบจีน อย่างแท้จริง เป็นตำหนักทรงกลมโครงไม้ โดยมีหลังคาลักษณะพิเศษที่ไม่มีคานไม้เลย




ตำหนักสักการะ เป็นสถานที่ประกอบพิธีสักการบูชาฟ้าและดินของ กษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368-1644) และชิง (ค.ศ.1644-1911) ของจีนซึ่งเป็นพระราชพิธีที่กระทำขึ้นเพื่อบวงสรวงฟ้าขอฝนให้พืชผลใน ไร่นาอุดมสมบูรณ์และ พสกนิกรอยู่ร่มเย็นเป็นสุขนั่นเอง ซึ่งพิธีกรรมที่จัดขึ้นนี้ จะเป็นการจัดเฉพาะคนในราชสำนัก คือองค์จักรพรรดิ์และชนชั้นสูงเท่านั้น สามัญชนไม่อาจจะเห็นได้ ( ข้อมูลจาก China ABC )




ตำหนักนี้ สร้างบนแท่นหินอ่อน 3 ชั้น ดูยิ่งใหญ่ สวยงาม อลังการณ์ ที่สุด




สถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยโครงสร้าง ที่มีเอกลักษณ์และ การตกแต่งที่สง่างามของโบราณสถานแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างโบราณที่สร้างด้วยฝีมือประณีตและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของจีน



ในสมัยโบราณของจีน มักจะใช้สีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ ของอำนาจแห่งองค์จักรพรรดิ แต่ในการตกแต่ง ตำหนักของที่นี่ กลับใช้สีน้ำเงินซึ่งเป็นสีของฟ้ามาเป็นสีสันสำคัญแทน



ตำหนักโดยรอบ จะใช้กระเบื้องเคลือบสีน้ำเงิน เช่นกัน





โบราณสถานสำหรับประกอบพิธีกรรม




ภาพการประกอบพิธีกรรม ในสมัยโบราณ


โบราณวัตถุ ยังคงมีให้เห็น ในสภาพที่สมบูรณ์



อีกหนึ่งชิ้น สำหรับการประกอบพิธีกรรม ยังสมบูรณ์แบบ เช่นกัน




จากตำหนักสักการะ เราเดินมาฝั่งตรงข้าม ตรงไปยัง แท่นบรวงสรวงฟ้า





มองเห็น ตำหนักสักการะ อยู่ใกลออกไป



ระหว่างทางเดิน มีร้านขายของที่ระลึก มุมมองจากตรงนี้ สวยดี



ทางเข้าสู่ แท่นบวงสรวงฟ้า ด้วยความเชื่อที่ว่า "ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ” จึงได้มีการออกแบบก่อสร้าง หอฟ้าเทียนถาน ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมพิเศษที่ เน้นความเชื่อดังกล่าว คือ ให้กำแพงด้านทิศเหนือสูงกว่าด้านใต้ กำแพงบริเวณประตูทางทิศใต้ จึงต่ำ อย่างเห็นได้ชัด




"หยวนชิว" หรือ "แท่นบวงสรวงฟ้า" มีลักษณะทรงกลม เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีเซ่นไหว้ฟ้าในช่วงฤดูหนาวของแต่ละปีและ ขอฝนในช่วงฤดูร้อน โดยเมื่อย่างเข้าสู่เหมันตฤดู จักรพรรดิจะต้องเสด็จมา ณ สถานที่แห่งนี้เพื่อกราบไหว้ขอบคุณสวรรค์ที่ ช่วยบันดาลความสมบูรณ์พูนสุขแห่งพืชผลมาตลอดปี รวมถึงขอให้ไพร่ฟ้า ข้าแผ่นดินอยู่ร่มเย็นเป็นสุขในปีต่อ ๆ ไป "แท่นบวงสรวงฟ้า" มีฐานทั้ง 3 ชั้น สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาว ซึ่งมีความสูงกว่า 5 เมตร



เมื่อยืนอยู่จากจุดของ "แท่นบวงสรวงฟ้า"แล้ว มองไปทั้งสี่ทิศจะสามารถเห็นท้องฟ้าสีครามที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต ซึ่งในปัจจุบัน ก็จะเห็นเป็นวิว ทิวทัศน์ ตึกราม บ้านช่อง ...



เมื่อถึงแท่นบวงสรวงฟ้า จะพบ "หินใจกลางสวรรค์"  หินแผ่นนี้มีความสำคัญ คือ หากยืนอยู่ ณ หินก้อนนี้แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ ก็จะทำให้มีเสียงสะท้อนก้องตอบ กลับมาให้ได้ยินในทันทีอีกด้วย แต่ในความเป็นจริง หิน คือ ความหมายในเชิงสัญลักษณ์ที่ต้องการสะท้อนออกมาว่า เมื่อจักรพรรดิได้พระราชทานพระดำริใน กิจการใด ก็ตาม ประชาชนทั่วไปทุกคนต่างก็จะต้องรีบตอบสนองพระราชประสงค์ทันที มิฉะนั้นก็จะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนเจตนาแห่งสวรรค์ เพราะเชื่อกันว่า จักรพรรดิเป็นโอรสสวรรค์นั่นเอง



บริเวณ แท่นบวงสรวงฟ้า  มีตําหนักหวงฉงอี่ สร้างเป็นรูปทรงกลมหลังคาชั้นเดียว มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีนํ้าเงินแก่ เป็นสถานสําหรับเก็บรักษาแผ่นป้ายพระนาม"เทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์" ตําหนักนี้ล้อมรอบด้วยกําแพงเตี้ย ๆ ซึ่งก็คือกำแพงสะท้อนเสียงที่มีชื่อเสียงเรืองนามไปทั่วโลก นั่นเอง



นี่คือกำแพงสะท้อนเสียง เป็นกำแพงทรงกลมรอบนอกของหอเทพสถิต มีความยาว 193.2 เมตร สูง 3.7 เมตร และหนา 0.9 เมตร กําแพงนี้สร้างตามหลักวิชาว่าด้วยเสียง จึงสะท้อนเสียงได้จนเป็นที่เลื่องลือ เมื่อสองคนยืนอยู่ที่กําแพงคนละฟาก คนหนึ่งพูดใส่กําแพงเบา ๆ อีกคนหนึ่งเอาหูแนบกับกําแพง ก็จะได้ยินเสียงพูดจากฝ่ายตรงกันข้าม



ชื่นชมกับสถาปัตยกรรมที่ หอฟ้าเทียนถานอย่างเต็มอิ่ม นอกจากนี้ ระบบนิเวศของที่นี่ ยังเต็มไปด้วยต้นสนมากมาย และต้นสนที่ปลูกในพื้นที่นี้ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 100 ปี ว่ากันว่าบางต้นมีอายุมากกว่า 500 ปี กันเลยทีเดียว






คุณสามี หลงรักต้นสนไปซะแล้ว


ต้นสนเทพเจ้า 9 มังกร ดูดีๆ จะเห็นลำต้นสนเป็นมังกร 9 ตัว




คุณสามี ขอถ่ายรูปกับ เซเว่นจีนหน่อยละ เท่ห์ไม่เบาร้านสะดวกซื้อสไตล์จีนเค้า



เก็บรายละเอียดได้ดีมาก แม้บางที่ กำลังอยู่ในช่วงกำลังก่อสร้าง เค้าก็ใช้ไวนิลกั้น เพื่อไม่ให้เห็นภาพคนกำลังทำงาน โดยไม่ลืมใส่ภาพต้นไม้ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เยี่ยม..



โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของ "เทียนถาน" ที่มีความสลับซับซ้อน สะท้อนให้เห็นระดับของวิทยาการสมัยใหม่ด้านสถาปัตยกรรมของจีนได้อย่างน่าทึ่ง  นอกจากนี้ หอฟ้าเทียนถาน นับเป็นกลุ่มสิ่งปลูกสร้างสำคัญที่ยังคงสภาพความสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ของจีน ที่มีขนาดใหญ่โตและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจีนในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ หอฟ้าเทียนถาน จึงได้รับเลือกให้จัดเป็น "มรดกโลกทางวัฒนธรรม" เมื่อปีค.ศ. 1998 นั่นเอง

ในตอนต่อไป เราจะพาไปชม พระราชวังฤดูร้อน ของพระนางซูสีไทเฮา อย่าลืมติดตามนะจ๊ะ 

ตอนที่ 4 เยือนพระราชวังฤดูร้อนและอุทยานในกรุงปักกิ่ง มรดกโลกจากประเทศจีน