เที่ยวสนามกีฬารังนก / เยือนถนนคนเดินเฉียนเหมิน

หลังจากหลายตอนที่ผ่านมา เราพาเพื่อนๆ ไปร่วมชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของจีน มากมาย ที่ได้รับการยกย่อง ไม่ว่าจะเป็น พระราชวังต้องห้าม ( ตอนที่ 5 ) ,พระราชวังฤดูร้อนของพระนางซูสีไทเฮา ( ตอนที่ 4 ) ฯลฯ มาในวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่ง ในสถาปัตยกรรมระดับโลก นั่นก็คือ สนามกีฬารังนก หรือ สนามกีฬาแห่งชาติกรุงปักกิ่ง (Beijing National Stadium)

ตอนที่ 6 เที่ยวสนามกีฬารังนก เยือนถนนสายวัฒนธรรมเฉียนเหมิน ของจีน

อันเนื่องจากจีน ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิค เมื่อปี 2008 จึงได้ริเริ่มที่จะสร้างสนามกีฬาหลัก เพื่อรองรับมหกรรมกีฬาอันยิ่งใหญ่ ในครั้งนี้น จึงเป็นที่มาของสนามกีฬาอันยิ่งใหญ่ แห่งนี้ นี่เอง




ไฮไลท์ของการมาชมสนามกีฬาแห่งนี้ คือจะต้องเดินทางมาให้ถึงช่วงค่ำๆ เพื่อมาดู สนามกีฬารังนก ยามที่มีแสงไฟ เพื่อความอลังการณ์ ในการเข้าชม เราก็เลยเดินทาง ในช่วงเย็นของวัน หลังจากไปท่องเที่ยว สถานที่อื่นแล้ว เราเดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดิน จาก สาย 2 ย่านเฉียนเหมิน ไปต่อ สาย 5 แล้วไปต่อ สาย 10 สิ้นสุด ที่สาย 8 หรือ สายโอลิมปิค เป็นการเดินทางที่มาราธอนเหมือนกัน เหมือนนั่งไปนอกเมือง กันเลยทีเดียว มาถึงสนามใกล้ๆ ค่ำพอดี ระหว่างทางเดิน มองเห็นตึกมังกร โรงแรมระดับ 5 ดาว ตั้งเด่นเป็นสง่า สวยงาม



ถึงแล้วสนามกีฬาโอลิมปิค สถานที่แห่งนี้ เป็นที่ต้องการและ ปรารถนาที่จะมาชม อย่างมากที่สุด ของคุณสามี งานนี้ ก็เลยดี๊ด๊า เป็นพิเศษ ก่อนอื่นต้องผ่านด่านแรก ระบบรักษาความปลอดภัยก่อน



ผ่านระบบรักษาความปลอดภัย ก็พบกับ สนามกีฬาอันยิ่งใหญ่ รูปทรงรังนก ที่มีโครงตาข่ายเหล็กสีเทาๆเหมือนกิ่งไม้ เราตื่นตะลึง ไปกับการออกแบบที่สุดยอด คิดได้อย่างไร กันเนี่ย



คุณสามีไม่รอช้า ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ครั้งหนึ่งได้มาเยือน ไม่ได้มาช่วงกีฬาโอลิมปิค ก็ขอมาชื่นชมช่วงนี้ก็แล้วกัน สนามกีฬาแห่งนี้ นอกจากมีรูปทรงเป็นรังนก เพดานและผนังอาคารถูกห่อหุ้มไปด้วยวัสดุโปร่งใส เท่ห์สุดๆ



ยืนถ่ายรูปไม่นาน ก็มีรถยนตร์ คล้ายๆ กับรถกอล์ฟ แต่ใหญ่กว่า นั่งได้ 6- 8 คน มาเกย บอกว่า อยากนั่งรถเที่ยวชม รอบๆ สนามมั๊ย รอบสนามมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะ เดี๋ยวจะพาไป ค่าใช้จ่ายคนละ 20 หยวน เราก็เลยลองดู และจากรูปบน ที่แหละ จุดที่เค้าบอกสวยสุด ก็โอเค มีคนถ่ายรูปให้ด้วย..



หลังจากนั่งรถเที่ยวชม รอบๆ เค้าก็พามาส่งจุดเดิม ที่รับเราไป ก็พอดี ได้เวลาที่ทางสนามกีฬา กำลังจะเริ่มทะยอยเปิดไฟ ว๊าวๆ.. อีกไม่ช้า ก็จะอะร้าอร่ามแดง ไปทั้งสนามกีฬา



และแล้ว ไฟก็เปิดทั้งสนาม สุดยอด มากๆ สนามกีฬาแห่งนี้ กว่าจะได้มาเป็นรูปแบบอย่างที่เห็น รัฐบาลจีนได้เปิดให้ทำการประกวดแบบสนามกีฬาโอลิมปิค มีผู้ส่งเข้าประกวดมากมาย สุดท้าย ลงเอยในรูปแบบรังนก อย่างที่เห็น



กล่าวกันว่า สาเหตุที่ การออกแบบรังนก ได้รับการเลือก ก็ด้วยแนวคิดที่ พิเศษไม่เหมือนใคร นั่นคือ ภายนอกที่มองดู เหมือนรังนก ขนาดใหญ่ ที่สานด้วยกิ่งไม้โลหะ ให้ความสวยงาม ตื่นตา ตื่นใจ ส่วนภายในสนามกีฬา กลับสุดยอดมากขึ้นไปอีก นั่นคือ ภายในไม่มีเสาสักต้น ผู้ชมจะได้ชมการแข่งขันจากทุกทิศทาง อย่างสบายตา และเท่าเที่ยมกัน ไม่ว่าจะนั่ง ในชั้นที่นั่งใดก็ตาม

นอกจากนี้ สนามกีฬารังนก ยังถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมธรรมชาติ เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก กรุงปักกิ่งในฤดูร้อน อากาศจะร้อนมาก การออกแบบ จึงเน้นในเรื่องการระบายอากาศ และการรับแสง ได้เป็นอย่างดี  สมกับที่ได้รับการชื่นชม ให้เป็นสถาปัตยกรรมระดับโลก อย่างแท้จริง





อีกหนี่งสุดยอดสถาปัตยกรรม ที่อยู่ใกล้ๆกัน คือ สระว่ายน้ำแห่งชาตินครปักกิ่ง ที่มีรูปลักษณ์สวยแปลกตา ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นก้อนน้ำขนาดใหญ่ ที่กำลังเคลื่อนไหว อยู่ตลอดเวลา ว๊าว..อะไรจะสุดยอด ขนาดนั้น



ยิ่งมืด ก็ยิ่งเห็นความสวยงาม ชัดเจน ซึ่งสระว่ายน้ำแห่งนี้ ออกแบบโดยใช้วัสดุเทฟลอนมาทำเป็นโครงร่าง นอกจากจะทำให้สระสวยเด่น เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังสามารถ ป้องกันการสั่นสะเทือน จากสภาวะแผ่นดินไหว ได้อีกด้วย สุดยอดอีกแล้ว




แม้ว่าโอลิมปิคจะผ่านไปแล้ว 4 ปี แต่สนามแห่งนี้ ยังคงดึงดูดให้ผู้คน เข้ามาเยือนได้ตลอดเวลา เรียกได้ว่า ไม่เคยร้างลาผู้คน วันที่เราไป นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากหลั่งไหล กันมา ไม่ขาดสาย หากใครต้องการชมภายในสนามกีฬา ก็ต้องมาก่อน 4 โมงเย็น ค่าเข้าชมคนละ 40 หยวน



ในวันนี้ การเดินทางอันยาวไกลของเรา หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้มาชมสนามกีฬารังนักอันยิ่งใหญ่ ที่สามารถจุผู้คน ได้นับแสนคนกันเลยทีเดียว




สนามกีฬารังนก และสระว่ายน้ำแห่งชาติ ทั้งสองสถาปัตยกรรมยุคใหม่ ที่ได้รับการยกย่อง ให้อยู่ในระดับแถวหน้าของโลก สร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้คนในประเทศจีน ด้วยมูลค่าการก่อสร้าง เฉพาะสนามกีฬารังนก ถ้าคิดเป็นเงินไทย ก็ประมาณ 17,500 ล้านบาท กันเลยทีเดียว ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสได้มาเยือนประเทศจีน อย่าลืมใส่ในโปรแกรมการท่องเที่ยวกันด้วยนะจ๊ะ





ราตรียังอีกยาวไกล เราเดินทางกลับที่พักแถวย่านเฉียนเหมิน นั่งรถไฟใต้ดิน พอมาถึง ก็ตะลึงกับแสงสี ในยามค่ำคืน เลยตัดสินใจเดินชมตั้งแต่ประตูเมืองเฉียนเหมิน เรื่อยมา จนเข้าสู่ถนนคนเดินเฉียนเหมิน ย่านการค้าเก่าแก่ ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ



ถนนคนเดินเฉียนเหมิน ย่านการค้าเก่าแก่ ที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ ในช่วงที่ประเทศจีน เป็นเจ้าภาพโอลิมปิค โดยรูปแบบการก่อสร้างจะคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมแนวจีนโบราณ ในยุคนั้น โดยถนนตรงกลาง ถูกทำเป็นเส้นทางรถรางได้วิ่ง ไป-มา เหมือนเช่นในสมัยก่อนด้วย ถ้าใครได้มาเดิน จะต้องตื่นตาตื่นใจ กับเส้นทางแห่งนี้ อย่างแน่นอน เราเดินหาซื้อของฝาก กลับประเทศไทย ที่นี่ ตั้งใจว่า พรุ่งนี้ จะมาย้อนรอยกันอีกครั้ง



เช้าวันนี้ ที่ประเทศจีน คงเป็นวันสำคัญอะไรสักอย่าง เดินไปทางไหน จะเห็นร้านค้า ตึกรามบ้านช่อง ถูกประดับ ประดาไปด้วยธงชาติ ให้บรรยากาศรักชาติ ดีทีเดียว

เราพักอยู่ที่ย่านเฉียนเหมิน ส่วนที่เราพัก อยู่บนถนน Da Zha Lan Xi Jie ซึ่งเป็นถนน ที่ขนานกับถนนหลัก Qianmen Xi แต่จะไปบรรจบกับ ถนนคนเดิน Qianmen Da Jie เรียกได้ว่า ถนนที่เราพักอยู่ เป็นส่วนหนึ่งของถนนคนเดินเฉียนเหมินก็ว่าได้



หลังจากที่เราเดินทางมาถึงที่พัก ตั้งแต่วันแรก ก็เตร็ดเตร่หาของกิน ทั้งมื้อเช้า มื้อเที่ยง มื้อเย็น ปรากฏว่า ร้านที่อร่อยถูกปากที่สุด ก็คือร้านที่อยู่ใกล้กับที่พัก อร่อยที่สุด ในทั้งสามมื้อ เช้าก่อนออกเดินทางก็ที่นี่ มื้อเย็นย่ำค่ำ ก็ที่นี่ และวันจะกลับก็อาศัยมื้อเที่ยงที่นี่ เช่นกัน




มื้อเช้าของทุกวัน เราจะใช้บริการ ซาละเปาใส้ผัก ซึ่งขอบอกว่า อร่อยมา...กก โจ๊ก กินกับเครื่องเคียง เป็นผักเค็มนานาๆ แล้วก็ปาท่องโก๋



ปาท่องโก๋ ทอดกันสดๆ หน้าร้าน อันเบ้อเร่อเหิ้มเลย แต่อร่อยมากๆ นอกจากซาละเปาใส้ผัก แล้วยังมีเกี๊ยวใส้เนื้ออะไรซักอย่าง สิ่งที่เห็นอยู่บนโต๊ะ เรากินกันหมดทุกวัน



ทุกมื้อไม่ต้องออกไปไหนไกล ออกจากที่พัก ก็หาของกินได้เลย นอกจากจะเป็นย่านของกินอร่อย บริเวณที่พัก และโรงแรมที่พัก ก็เป็นแบบสถาปัตยกรรมจีนโบราณอีกด้วย งานนี้เป็นที่ถูกอก ถูกใจคุณสามี มากมาย



ย่านเฉียนเหมินทุกที่ จะมีการอนุรักษ์ สิ่งก่อสร้าง ให้เหมือนบ้านช่องสมัยจีน ยุคที่ เฉียนเหมินเจริญรุ่งเรือง เหมือนเมื่อ 600 ปี มาแล้ว โดยเฉพาะช่วงถนนคนเดิน จะพบเห็นสถาปัตยกรรม ความงามแบบจีนโบราณ ซึ่งไม่เพียงแต่ชื่นชม เราสามารถเดินชม เดินซื้อของ ในร้านจีนโบราณ ได้เหมือนคนในยุคนั้น กันเลยทีเดียว ถนนคนเดินเฉียนเหมิน ถูกขนานนามให้เป็น ถนนสายวัฒนธรรม ที่ใครมาเที่ยวกรุงปักกิ่ง จะต้องแวะมาเที่ยวชม



มีร้านดัง อยู่ที่ถนนคนเดินเฉียนเหมิน มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้า , ร้านอาหาร , ร้านชา , ร้านเป็ดปักกิ่งชื่อดัง , ร้านกาแฟสตาร์บั๊ค ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ อยู่ที่ถนนคนเดินเฉียนเหมินทั้งสิ้น



ด้านข้าง ของถนนคนเดินเฉียนเหมิน จะมีทั้งถนน และ ซอย ที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งในแต่ละซอย หรือถนนเหล่านั้น ก็ยังคงยึดสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ คือ เป็นตึกทรงจีนโบราณ 2 ชั้น และผนังเป็นสีเทา เรียกได้ว่า ทั้งย่านเฉียนเหมิน จะเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด



ด้วยบรรยากาศแบบจีนโบราณเยี่ยงนี้ ทำให้การเดินชม เดินซื้อของ บริเวณสองข้างทาง มีความสุข เพลินตา เพลินใจ เป็นที่สุด





เกาลัดที่วางขาย หน้าตาหน้ารับประทาน มีป้ายบอกราคาเรียบร้อย ไม่ต้องกลัว บอกผ่าน น้ำดื่ม และของกิน หาซื้อได้อย่างง่าย ในย่านเฉียนเหมิน



ร้านค้าแบบจีน จะเป็นแนวนี้ ทำให้อยากเข้าไปซื้อหา อยากถ่ายรูป ไปทุกที่ ที่พบเห็น



อาหารล่อตา ล่อใจ คุณสามี มากมาย เกือบจะหลวมตัว เข้าไปซะทุกร้าน ที่เดินผ่าน หมูเห็ด เป็ดไก่ ฯลฯ ทั้งนั้น


ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตสไตล์จีน ก็หน้าเข้าไปซื้อ สรุปใจความว่า หน้าซื้อ น่ากิน ไปหมด



ย่านเฉียนเหมิน ช่วงที่เราไป ก็จะเห็นแต่นักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่ จะเป็นคนจีนด้วยกัน จีนทำ จีนเที่ยว จีนเจริญ สุดยอด



คุณสามี รอเวลาจะขึ้นรถราง นั่งชมถนนเส้นเฉียนเหมิน อย่างสบายๆ คนละ 20 หยวน ก็แพงเหมือนกันนะ สำหรับระยะทางไม่ถึง หนึ่งกิโลเมตร



คิดว่า ถนนคนเดินเฉียนเหมิน หน้าจะเป็นอีกหนึ่งโปรแกรม ที่ถูกบรรจุไว้ในการมาเที่ยวกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน นอกจากจะได้สัมผัส กับความงามของสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ แล้ว ยังมีสินค้าโบราณ และสมัยใหม่ ให้ได้เลือกซื้อ เป็นของฝาก ของที่ระลึก อีกมากมาย

หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าเพื่อนๆ จะได้รับความเพลิดเพลิน ในการท่องเที่ยวกรุงปักกิ่ง ในครั้งนี้ พร้อมๆ กับเรา ...เพราะโลกนี้ กว้างใหญ่ รอให้นักเดินทางไปท่องเที่ยวอีกมากมาย....