เที่ยวเมืองมัณฑะเลย์..ด้วยตัวเอง


จากที่เราท่องเที่ยวที่ เมืองย่างกุ้ง นั่งเครื่องต่อไปเที่ยวที่ อาณาจักรพุกาม และมาบรรจบท้ายสุด ที่เมืองมัณฑะเลย์ โดยเรานั่งเครื่องบินภายในประเทศ มาลงที่เมืองมัณฑะเลย์ ค่าโดยสารคนละประมาณ 1,200 บาท ขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลล่าห์ ณ เวลานั้นๆ  เราจองจากเอเยนซี่ของสายการบินแอร์บากัน ที่ประเทศไทย เช่นกัน  ใ้ฃ้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงอดีตเมืองหลวง อีกหนึ่งเมือง ของประเทศพม่า

เมื่อมาถึงสนามบินมัณฑะเลย์ บรรยากาศที่สนามบินแห่งนี้ ช่างเงียบเหงา วังเวง ทั้งที่สนามบินก็ใหญ่โต แถมไม่เปิดแอร์อีกต่างหาก ช่างประหยัดเสียนี่กระไร...เฮ้อ ตอนแรกเข้าใจว่า คงเป็นเพราะเราเป็นเที่ยวบิน ที่มาช่วงเช้าเพียงลำเดียว เขาก็เลยไม่เปิดแอร์ ที่ไหนได้ ตอนวันที่เรากลับ บรรยากาศเหมือนเดิม แม้นจะมีเที่ยวบินมากมาย ที่จะเดินทาง เยี่ยมจริงๆ...ฮา

เราใช้บริการแท็กซี่ภายในสนามบิน ซึ่งมีตัวเลือกนับสิบบริษัท เลือกไม่ถูก แต่ก็ต้องทำเป็นว่าเรา ได้เลือกแล้ว โดยเดินตรงดิ่งไปที่บริษัทที่อยู่ใกล้ทางออกมากที่สุด ค่าโดยสารคนละ 4000 kyat แต่เรามีข้อแม้ว่า ขอดูรถก่อน เพราะได้ข้อมูลมาว่า สนามบินอยู่ห่างจากตัวเมืองถึงเกือบ 50 ก.ม. ก็อยากนั่งให้สบายๆ กลัวรถจะติดแบบที่ย่างกุ้งด้วย ปรากฏว่า ได้เป็นรถตู้ สภาพดี นั่งสบายไปเลย



เราเลือกโรงแรมที่อยู่ใกล้กับ พระราชวังมัณฑะเลย์ เรียกได้ว่า เดินออกจากโรงแรม ก็สามารถมองเห็น กำแพงวัง กันเลยทีเดียว เช็คอินเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเที่ยวพระราชวังมัณฑะเลย์กัน ค่าเข้าชมคนละ 10000 Kyat รับเป็นเงิน Kyat เท่านั้น ใครที่จะมาเที่ยว ต้องเตรียมความพร้อมเรื่องเงิน ให้ดี พระราชวัง เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่ 8.30 น. - 17.00 น.





ทางเข้าพระราชวัง รถมอเตอร์ไซค์ จะต้องจูงเข้าไปเท่านั้น สำหรับรถยนตร์ ขับขี่ไปได้เลย และจุดขายตั๋ว ก็อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้านั่นเอง หากเดินต้องใช้เวลาพอสมควร กว่าจะเข้าไปถึงพระราชฐาน ด้านใน เราทำการว่าจ้างแท็กซี่แบบทั้งวัน เที่ยวทั้งในเมือง และนอกเมือง เป็นรถสภาพดี มีแอร์ ค่าโดยสารคันละ 50000 Kyat งานนี้เลยไม่ต้องเดินเข้า นั่งแท็กซี่ยาวเลย...



ถึงแล้วพระราชวังมัณฑะเลย์ อันยิ่งใหญ่ เหนือกว่าใครในอุษาคเนย์ ณ ที่แห่งนี้ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แนะนำว่า หากเพื่อนๆ ต้องการเข้าถึงมนต์เสน่ห์ของพระราชวังแห่งนี้ ให้ไปหาอ่าน หนังสือเรื่อง พม่าเสียกรุง แต่งโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จะทำให้มีอรรถรสในการมาเยือนวังแห่งนี้ มากมาย...




เรื่องราว เริ่มตั้งแต่ ที่พระเจ้ามินดง กษัตริย์พม่าแห่งราชวังอลองพญา เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ ก็ทำการย้ายราชธานีใหม่ ตามคติความเชื่อ โดยย้ายจากเมืองอมรปุระ มาเป็นเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองที่พระองค์ทรงพระสุบินถึงอยู่บ่อยๆ โหราจึงแนะนำให้พระองค์มาสร้างราชธานีที่เมืองนี้




และในการสร้างเมืองใหม่แห่งนี้ พระเจ้ามินดง มีความเชื่อถือ ในพิธีโบราณ ที่จะต้องนำคนที่มีลักษณะ ถูกต้อง ตามหลักโหราศาสตร์ มาฝังเป็นๆ ตามประตูเมือง ประตูพระราชวัง และตามมุมเมืองต่างๆ มุมละ 4 คน โดยเฉพาะ ที่ใต้พระที่นั่งท้องพระโรงสำหรับว่าราชการ งานเมืองต่างๆ... แค่หลับตานึก ก็ให้รู้สึก สยด สยอง จริงๆ...



นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวโศกนาฏกรรม ที่เกิดขึ้น ณ พระราชวังแห่งนี้ อันเนื่องมาจาก ที่ พระเจ้ามินดง ทรงมีพระมเหสีใหญ่น้อย มากถึง 45 องค์ ทำให้เกิดการแก่งแย่ง ชิงดี กันในราชสำนัก โดยเฉพาะ พระมเหสีรอง พระนางอเลนันดอ ที่มีความมักใหญ่ใฝ่สูง ได้รวบรวมอำนาจในพระราชสำนัก หลังจากที่พระเจ้ามินดง ทรงพระประชวร ทำให้เกิดเป็นชนวนโศกนาฏกรรม ในเวลาต่อมา นั่นเอง



โศกนาฏกรรมนั้นก็คือ เมื่อ พระเจ้ามินดงทรงสิ้นพระชนม์ พระนางอเลนันดอ ทรงกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่พระนางไม่มี พระโอรส มีเพียงพระธิดา 2 องค์ พระนางอเลนันดอ ได้ทรงคัดเลือกพระโอรสในพระเจ้ามินดง ที่หัวอ่อน สามารถใช้เป็นหุ่นเชิดได้ ให้มาอภิเษกกับพระธิดาทั้งสอง ... ซึ่งในความเป็นจริง ทั้งสามพระองค์ มีพระราชบิดา คือ พระเจ้ามินดง นั่นหมายความว่า.. เสมือนหนึ่งเป็นสายเลือดเดียวกันนั่นเอง... และในท้ายที่สุด พระธิดาองค์รอง คือ พระนางศุภยลัต ทรงกำจัด พระพี่นาง และ เหล่า ราชสกุลทั้งหลาย ทั้งปวง โดยการฆ่า โดยใช้ผ้าแดงห่อแต่ละคน แล้วทุบด้วยไม้จันทน์ จนตาย...เท่ากับว่าพระนาง ได้ฆ่าญาติพี่น้องร่วมสายโลหิตหมดทั้งสกุล...  เราและคุณสามี เดินไป ก็นึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ บางช่วง บางตอน เดินไป ก็ขนลุกไป.... วังเวง วิเวกใจ บอกไม่ถูก



จนกระทั่ง พม่าเสียเมือง ให้กับประเทศอังกฤษ พระราชวังแห่งนี้ ถูกเปลี่ยนถ่ายอำนาจ จากอังกฤษ ต่อมา ก็ถูกญี่ปุ่น บุกยึดครอง ใช้เป็นกองบัญชาการ และในท้ายที่สุด ก็ถูกพันธมิตร ทิ้งระเบิด พระราชวังพังพินาศ ไฟไหม้ กลายเป็นจุล.... พม่า สิ้นสูญระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ทหารครองเมือง... และปิดประเทศไปในที่สุด... พระราชวังในปัจจุบัน จึงเป็นการจำลอง ความทรงจำ ความยิ่งใหญ่ อตีดที่ขมขื่น เพื่อให้ชาวพม่า และนักท่องเที่ยวอย่างเรา ได้รำลึกถึงอดีตที่ผ่านมา... นั่นเอง



เราเดินทางต่อมา ที่วัดชเวนันดอ วัดซึ่งอดีต คือพระตำหนัก หรือ วังของพระเจ้ามินดง... เมื่อครั้งที่พระเจ้ามินดงทรงพระประชวรหนัก พระองค์ต้องการจะผนวช พระเจ้าสีป่อ จึงทรงให้ยกพระตำหนักของพระเจ้ามินดง ทั้งหลัง ให้มาอยู่ที่วัดชเวนันดอ แห่งนี้ และในท้ายที่สุด พระเจ้ามินดง ก็ทรงสวรรคตที่นี่...



ซึ่งจากการที่พระตำหนักของพระเจ้ามินดง ถูกยกให้มาเป็นวัดชเวนันดอ จึงเท่ากับเป็นความโชคดี ของคนรุ่นหลัง ได้เป็นบุญตา ได้เห็นพระราชวังของกษัตริย์พม่า ที่ทำจากไม้สักทอง ทั้งหลัง ทั้งการแกะสลักไม้ ในศิลปะแบบพม่า ที่ได้รับการยกย่อง ให้เป็นสุดยอดงานฝีมือ ระดับโลก...



โชคดีของคนพม่า และนักท่องเที่ยวอย่างเรา ที่ได้มีโอกาส มาชมหนึ่่งในพระราชวังมัณฑะเลย์ ที่รอดพ้นจากการทิ้งระเบิด ที่หาชมไม่ได้อีกแล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากกษัตริย์พม่า แม้จะเปลี่ยนราชธานี เปลี่ยนราชวงค์ แต่พระราชวังจะเป็นพระราชวังเดิม โดยจะถูกยกมาไว้ที่ราชธานี่ใหม่ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนเมือง เปลี่ยนกษัตริย์ เท่ากับว่า วัดชเวนันดอ จึงเป็นเพียงหนึ่งเดียว ของพระราชวังพม่า ที่เป็นของจริง ... นั่นเอง



เราทิ้งความตื่นตา ตื่นใจ ระคน ความสลด หดหู่ ไว้ในเมือง และออกนอกเมืองไปหาความร่มรื่น ร่มเย็น ที่สะพานอูเบ็ง สะพานไม้ ที่ยาวที่สุดในโลก...


ไกลจากเมืองมัณฑะเลย์ราว 30 กิโลเมตร สู่เมืองอมรปุระ ที่นั่นสะพานอูเบ็ง สะพานไม้สัก ที่ยาวที่สุดในโลก ทอดยาว รอเราไปค้นหา....


สะพานอูเบ็ง ทอดข้ามทะเลสาบตองตะมาน ความยาวราว 2 กิโลเมตร ณ อีกฟากฝั่ง มีวัดและเจดีย์รอเราอยู่ ได้ยินเสียง ค้องวง บรรเลงเพลงพม่า ดังมาแต่ไกล สงสัยที่นั่น จะมีงานวัด...



เราเดินทอดน่อง อย่างช้าๆ เพื่อจะไปยังเจดีย์ ที่รออยู่เบื้องหน้า สะพานแห่งนี้ สร้างจากไม้สัก ที่รื้อมาจากพระราชวังเก่า แห่งกรุงอังวะ เมื่อครั้งย้ายเมืองหลวงจากอังวะ มาเป็นอมรปุระ... ทุกที่มีเรื่องราว ทั้งนั้น


เดินซึมซับ บรรยากาศ และเรื่องราว ให้คุณสามีถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับสะพานไม้แห่งนี้ เสาแต่ละต้น คือไม้สัก ทั้งต้น... สุดยอด หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว นอกจากพม่า



สะพานไม้แห่งนี้ นอกจากจะใช้สัญจร ไปมา ยังเป็นที่ทำมาหากิน มีวิถีชีวิตให้เห็น มากมาย ณ สะพานแห่งนี้...


วิถีบนสะพานอูเบ็ง  การตกปลา และ การทำมาค้าขาย บนสะพาน พบเห็นได้ตลอดเส้นทางเดิน


กุ้ง หอย ปู ปลา ที่หาได้ ถูกนำมาทอด วางขาย บนสะพานอูเบ็ง...



สองสาวพม่า ขึ้นจากทะเลสาบ หลังลงไปตกปลา ตามแบบฉบับพม่า วันนี้ได้ปลา มาพอสมควรทีเดียว


หลากหลายอิริยาบถ ของคนท้องถิ่น ชาวพม่า บอกเล่า เรื่องราวได้เป็นอย่างดี


เนื่องจากอีกฟากฝั่งเป็นวัด เราจึงเห็นพระภิกษุ ใช้สะพานสัญจรไปมา อยู่ตลอดเวลา สีจีวรของพระ ตัดกับสะพานไม้ ได้เป็นอย่างดี


สะพานไม้ ที่ใฃ้ทำเป็นเสา นับได้ทั้งหมด 1208 ต้น ... ไม่ได้นับเองจ้า เขาบอกมาอีกที...


เมื่อถึงอีกฝั่ง วิถีชีวิต ก็เปลี่ยนไป ชาวพม่าคนนี้ ใช้ทักษะ ในการบรรทุกกล้วยได้อย่าง ... สุดยอด



เราเดินตาม เสียงดนตรี บรรเลง เพลงไป ในซอยนี้ มีงานวัดอย่างแน่นอน ข้างทางมีของขายมากมาย อยากซื้อทานาคาจัง แต่กลัวแบกไม่ไหว...ฮา


ขนมครก แบบพม่ารามัญ เล่นใส่ช่องซะเป็นร้อยเลยนะ... ลูกพี่  สุดยอด


แปลกดี แถมแต่ละช่อง น้ำมันเยิ้มเลย... เห็นมีฝรั่งมาซื้อกินด้วย...


กล้วย มะำำพร้าว ดอกไม้ สำหรับถวายพระ หรือสำหรับใช้ในพิธีการต่างๆ เจ้าหนุ่มหน้ามน กำลังยกไปถวายแล้ว...


หรือจะเป็น ขนมโค ขนมต้ม ขนมถังแตก แบบบ้านเรา... ก็ว่ากันไป


ขนมหวาน วางเรียงราย คล้ายๆ ขนมกวน ที่แน่ๆ มันเยิ้ม...ฮา


สาวๆ ชาวพม่า นั่งล้อมวง ซื้อขนมกิน แล้วก็นั่งล้อมวง กินกันเลย นี่คือ เอกลักษณ์ จ้า เดินดูวิถีชีวิต ผู้คน ก็สนุกดี...


ใช้เวลาเป็น ชั่วโมง เดินเล่น กินลม ชมวิว แล้วก็เดินกลับ เจอสองสาว เดินจูงมือ กันมา น่ารักดี ขอถ่ายรูปซะเลย



ก่อนกลับ ก็ต้องถ่ายกับสะพานซักหน่อย... ครั้งหนึ่ง เราเคย พบกัน... นั่น...ฮา



จากนั้น เราก็นั่งรถไปนาน เกือบๆ ชั่วโมง เพื่อไปเมืองมิงกุน ที่นั่น ยังดั้งเดิมมาก ... แล้วเราก็ได้พบแท็กซี่ ย้อนยุคเข้าให้แล้ว... ฮา แท็กซี่เทียมเกวียน ดั่งย้อนอดีต...



คุณสามีเคยมีอดีต เป็นเด็กเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ประมาณเป็นพี่ขวัญ ตามหาอีเรียม ในยุคนั้น ... พลันนึกถึงอดีต ก็เลยขอพา เจ้าวัวเทียมเกวียน ไปขี่เล่นซะเลย...ฮา



เดินมาเรื่อยๆ ผ่านตลาดเล็กๆ ได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนอีกแล้ว


หลากหลายอิริยาบถ และอารมณ์ ของผู้คน...



และมาเจอสาวพม่าใจดี ผู้นี้ ผู้ชี้ทางสวรรค์ ไปห้องน้ำ อัธยาศัยดี มากมาย น่ารักง๊ะ...



แล้วเรา ก็ได้มาพบ ดินแดน แห่งสรวงสวรรค์ รู้สึกอย่างนั้น จริงๆ เจดีย์ที่สวยงาม และอ่อนช้อย ขาวบริสุทธิ์ สวยงามที่สุด เท่้าที่เราเคยพบบนแผ่นดินพม่า.... เจดีย์แห่งความรัก นั่นคือ เจดีย์ซินพยุเม / Hsinbyume Pagoda องค์เจดีย์ ตั้งอยู่บนฐาน 7 ชั้น รูปเกลียวคลื่น...งามที่สุด


ความรักของกษัตริย์พม่าพระองค์หนึ่ง ที่มีต่อพระมเหสีของพระองค์ เมื่อพระมเหสี ทรงสิ้นพระชนม์ พระองค์ จึงทรงสร้างเจดีย์แห่งนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก... ดั่งทัชมาฮาลแห่งลุ่มน้ำอิรวดี...




ณ เมืองมิงกุน มีเจดีย์สวยงาม ขนาดที่นิตยสาร TIME เอเชีย เคยนำไปขึ้นปกแล้ว ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาแน่นอน เราจึงตั้งใจมาเห็นด้วยตา มาสัมผัสด้วยใจ...


ที่เมืองมิงกุนแห่งนี้ อาจจะพูดได้ว่า เจดีย์แห่งนี้ คือจุดที่น่าสนใจที่สุด หากใครชอบดู ศิลปะแนวนี้ ก็ถือว่าคุ้มค่า แต่หากไม่ชอบ ก็ต้องบอกว่า ไม่คุ้มค่ากับการได้มาชม.. ลางเนื้อ ชอบลางยา อะไรประมาณนั้น


ฐานเจดีย์ ที่เป็นเกลียวคลื่นสีขาว สร้างตามความเชื่อที่ว่า เจดีย์เป็นดั่งเขาพระสุเมรุ ที่เป็นแกนกลางของจักรวาล ...ล้อมรอบไปด้วยมหานทีสีทันดรทั้ง 7 ชั้น...


ความยิ่งใหญ่ และวิจิตรสวยงาม ตระการตาเยี่ยงนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานแห่งรัก ของราชนิกูลแห่งกรุงอังวะ นั่นเอง


อนุสรณ์แห่งความรัก มีให้เห็นมากมายในโลกนี้ เพราะความรัก คือความรักแท้ บริสุทธิ์ สวยงามเสมอ ดั่งเช่น เจดีย์ซินพยุเม เจดีย์แห่งความรักนี้... ใครไม่อยากพลาดชมทัชมาฮาลแห่งลุ่มน้ำอิระวดี ต้องมาเที่ยวที่เมืองมิงกุน...



และปิดท้ายที่เมืองมิงกุน ด้วยการมาชมองค์เจดีย์มิงกุน เจดีย์ที่..หากว่าสร้างเสร็จ ก็จะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุด ในโลก นั่นเอง ...เจดีย์ที่สะท้อนให้เห็น ถึงความทะเยอทะยาน ของกษัตริย์พม่าพระองค์หนึ่ง โชคดีของคนพม่า ที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ ก่อนที่เจดีย์จะเสร็จ มิเช่นนั้น จะมีผู้คนต้องล้มตายกันอีกมากมาย เพื่อการนี้... และท้ายสุดจริงๆ ก็ต้องไปชมระฆังยักษ์มิงกุน ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก เช่นกัน... เราจากลาเมืองมิงกุน มุ่งหน้าสู่เมืองมัณฑะเลย์ ถึงที่พัก ก็ค่ำพอดี... วันนี้ต้องนอนแต่วัน เพราะพรุ่งนี้ ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปร่วมพิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี ...





เช้าวันนี้ เราตื่นนอนตี 3 นัดแท็กซี่ไว้ตี 3.30 น. เพื่อไปร่วมพิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี ประมาณ ตี 4 ก็ถึงวัด ค่าโดยสาร 20000 Kyat เรามาถึงเป็นคณะแรก ได้นั่งหน้าสุดของผู้หญิง ส่วนคุณสามีก็ได้นั่งหน้าสุด ของผู้ชาย นั่งได้ไม่นานเจ้าหน้าที่ ก็ทำการเปิดประตู... ทันทีที่เราได้เห็นองค์พระมหามัยมุนี ... องค์พระ ช่างสวยงาม สง่างาม.. เราก้มเรากราบด้วยความปลื้มปิติ...


ตลอดระยะเวลาเนิ่นนาน นับศตวรรษ ที่พระมหาเถระและประชาชนคนพม่า ร่วมกันทำพิธีล้างพระพักตร์ถวาย ในทุกเช้า ตั้งแต่เวลา 4 นาฬิกา ด้วยความเชื่อที่ว่า พระพุทธมหามัยมุนีนี้ เป็นพระพุทธรูปที่มีชีวิต...



พิธีเริ่มต้น พร้อมด้วยเสียงสวด เสียงดนตรีปี่พาทบรรเลง เรานั่งพนมมือสวดมนต์ มีความรู้สึก ขลัง และ ศรัทธา ต่อประเพณีนี้ อย่างบอกไม่ถูก รู้สึก ปลื้มปิติ ที่ได้มีโอกาสมาร่วมพิธีในครั้งนี้ หันไปดูด้านหลัง ผู้คนแน่นขนัด เต็มทั้งศาลา คนพม่า มาร่วมพิธีล้างพระพักตร์ กันมากมายเป็นอย่างนี้ มาเนิ่นนานนับศตวรรษ...



หลังจากทำพิธีล้างพระพักตร์ ด้วยน้ำอบน้ำหอม ผสมทานาคาอย่างดีแล้ว ก็ใช้ผ้าจากพลังศรัทธาของสาธุชน ที่พร้อมใจกัน นำมาถวายสำหรับใช้เช็ดพระพักตร์ จนแห้งสนิท ก่อนจะนำส่งผ้านั้นคืนให้สาธุชน นำไปกราบไหว้บูชา...


การทำพิธีล้างพระพักตร์นี้ เสมือนดั่งว่า... ได้อุปัำฏฐากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมือนดั่งพระองค์ ยังทรงพระชนมชีพอยู่ ... นั่นเอง




พระมหามัยมุนี หนึ่งใน 5 ศาสนวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ของพม่า คนพม่าจะต้องมาสักการะให้ได้สักครั้งหนึ่ง ในชีวิต พระมหามัยมุนี เป็นพระพุทธรูปคู่บ้าน คู่เมืองของประเทศพม่า เหมือนดั่งเรา มีพระแก้วมรกต เป็นพระคู่บ้าน คู่เมือง นั่นเอง ...



หลังจากทำพิธีเสร็จ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้ชายสามารถ นำแผ่นทองไปติดที่องค์พระได้เลย โดยแผ่นทองนั้น จะต้องเป็นแผ่นทองที่ซื้อจากทางวัดเท่านั้น เมื่อซื้อแล้ว ก็ต้องนำมาแสตมป์ ก่อนจะได้รับอนุญาติให้นำไปติดได้ พระมหามัยมุนีมีการปิดแผ่นทองคำเปลว ซำ้แล้วซ้ำเล่า นับพัน นับหมื่นชิ้น จนเป็นรอยตะปุ่ม ตะปั่ม ไปทั้งองค์ ...เรากราบลา องค์พระมหามัยมุนี ขอให้พระองค์คุ้มครอง ให้เราเดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัย

ประเทศพม่า ประเทศที่ร่ำรวยไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และ วัฒนธรรม ที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ ที่สุดในอุษาคเนย์ การได้มาเยือน ทำให้ได้รู้ถึงประเพณี และวัฒนธรรม อันงดงามของประเทศนี้ ได้มาเยือนแล้ว ทำให้ความรู้สึกที่เคยมีในอดีต มลายหายไปสิ้น มีแต่ความรู้สึก ถึงพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ที่มีอยู่อย่างเต็มล้น ในประชาชนคนพม่า ได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วคนพม่า เป็นคนอัธยาศัยดีมากมาย ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมต้อนรับ นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว จากประเทศไทย...

ไม่ระบุชื่อ –   – (13/11/56)  

เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจดีมาก ให้ความรู้ มองเห็นภาพเป็นอย่างดี และอยากขอคำแนะนำด้วยว่า ผมและคณะจะพากันไปเที่ยวมัณฑะเลย์ในเดือนมีนาคม 2557 จำนวน 8 คน ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินไป-กลับเรียบร้อยแล้ว อยากขอความอนุเคราะห์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม รถรับจ้าง และเครื่องบินในการท่องเทียวในมัณฑะเลย์และสถานที่ไกล้เคียงครับ
อัครเดช ยมภักดี
ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเชียงของ
kruyaiadd@gmail.com

ไม่ระบุชื่อ –   – (22/1/57)  

ขอคำแนะนำเรื่องโรงแรม และรถแทกซี่ที่ใช้บริการ หรืออื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ด้วยค่ะ งบประมาณทั้งหมดที่ใช้ไปในทริปนี้ด้วยค่ะ จะไปเที่ยว 14-16 ก.พ. นี้ รวม 6 คนค่ะ เป็นครั้งแรกที่จะไปพม่ากันค่ะ

ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
นุช nootty22@hotmail.com

ไม่ระบุชื่อ –   – (2/2/57)  

ขอบคุณคะที่แบ่งปัน จะไปเองไม่เพิ่งทัวร์ ถ้าไม่มีผู้ชายไปดวยจะปลอดภัยมั๊ยคะ

วิภาพร –   – (6/2/57)  

ตอนที่ไปเที่ยว ก็เห็นแต่กลุ่มก๊วนผู้หญิงทั้งนั้นเลยค่ะ

ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาทักทายกัน

ไม่ระบุชื่อ –   – (27/4/57)  

ดีมากเลยค่ะ
รบกวนขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องรถแท็กซี่ค่ะ จะไปทั้งในเมืองและนอกเมืองมัณฑะเลย์ค่ะ พอจะมีเบอร์โทรหรือว่าติดต่อได้ที่ไหนบ้างคะ
ขอบคุณมากค่ะ :))
conanclub_momo@hotmail.com

วิภาพร –   – (2/5/57)  

ไม่ต้องใช้เบอร์โทร. เลยค่ะ แท็กซี่ หน้าโรงแรมที่เราพัก แท็กซี่ที่สนามบิน ฯลฯ ยินดีให้บริการหมด ไม่ว่าเราจะไปไหน ในราคาเดียวกันหมดค่ะ แตกต่างกันตรงที่รถนั้นมีแอร์ หรือไม่มีแอร์เท่านั้นเองค่ะ

เที่ยวให้สนุกนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาทักทายกัน

Unknown  – (9/6/57)  

มีแผนเดินทางไปมัณฑะเลย์ พุกาม ได้อ่านเรื่องราวแล้วอยากไปเร็วๆ เสียแต่ช่วงเวลาที่ไปเป็นช่วงหน้าฝน T_T แต่คิดว่ามนต์เสน่ห์คงไม่จางหายไป ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปันมีประโยชน์ สำหรับเรามาคะ

ไม่ระบุชื่อ –   – (28/6/57)  

ขอบคุณค่ะ อยากไปพอดีเลยค่ะ

ไม่ระบุชื่อ –   – (21/7/57)  

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับการแบ่งปันสิ่งดี ดี

วิภาพร –   – (30/7/57)  

ขอบคุณเพื่อนๆทุกคน ที่แวะมาทักทายกันนะคะ

Unknown  – (18/1/61)  

หวยออนไลน์ เว็บไซต์ที่เปิดให้คอหวยทุกคนเข้ามาสัมผัสกับความสนุกสนาน

หวยออนไลน์ ผู้ให้บริการแทงหวยออนไลน์ที่เรารับรองได้ว่าหากท่านใดได้เข้ามาร่วมสนุกแล้วจะต้องไม่ผิดหวังเพราะเป็นช่องทางการบริการที่นักพนันสามารถเข้ามาร่วมสนุกได้อย่างง่ายดายบนช่องทางการบริการของผู้ที่มีความชำนาญงานและเปิดโอกาสให้นักพนันเข้ามาพบกับการแทงหวยที่มีคุณภาพสูงเป็นช่องทางการบริการที่นักพนันจะต้องประสบความสำเร็จได้โดยง่ายเพราะการบริการของเรานั้นมีสิ่งน่าดึงดูดใจมากมายเพื่อที่จะทำให้นักพนันพบและสัมผัสกับการเข้ามาแทงหวยซึ่งการแทงหวยนั้นเป็นเรื่องของตัวเลขโดยศาสตร์ของตัวเลขนั้นนักพนันสามารถเข้ามาศึกษาได้ด้วยตัวท่านเองเพราะเป็นการคำนวณตัวเลขหรือสถิติการออกรางวัลในแต่ละงวดสำหรับคนที่ชื่นชอบในการเล่นหวยนั้นพื้นฐานของแต่ละคนกว่าร้อยละ 80 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ตรง มีความเชื่อในเรื่องของตัวเลขสามารถนำพาโชคลาภมาให้ตนเองได้จะต้องตัดเรื่องของหลักเชิงสถิติออกไปเพราะในเชิงสถิตินั้นเวลาเล่นหวยเงินรางวัลกับโอกาสแต่ละเลข ที่ออกมาผลมันคือออกมาให้ผู้เล่นขาดทุนกันอย่างแน่นอนแต่ถ้าหากว่าเรามีความเชื่อว่าโชคของเราแต่ละคนนั้นมีไม่เหมือนกันเราสามารถใช้โชคนำพาความรวยจากการเล่นหวยเข้ามาได้ซึ่งแบบนี้ถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลเพราะการเล่นพนันหวยนั้นเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเสี่ยงโชคที่นักพนันจะต้องเรียนรู้และเข้าใจกฎกติกาการแทงหวยออนไลน์ซึ่งนักพนันสามารถเข้ามาศึกษาและแทงหวยกับเราได้ที่เว็บไซต์ เลขเด็ดจากวงใน

แสดงความคิดเห็น

Related Posts with Thumbnails