มาปลูกมะละกอ..กินเองกันดีกว่า

เราเป็นคนหนึ่ง ที่ชื่นชอบในเรื่องของพันธ์ไม้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวพันธ์ไม้เพื่อความสวยงาม หรือพันธ์ไม้ผล ยิ่งโดยเฉพาะในยุคที่การเกษตรหันไปนิยมชมชอบ การใช้สารพิษมาเป็นส่วนประกอบในการผลิตผลิตผล ทางการเกษตรด้วยแล้ว เราจึงหันเห มาริเริ่มปลูกผักผลไม้กินเอง และอันเนื่องมาจาก มีเพื่อนเราคนหนึ่งที่ชอบรับประทานมะละกอฮอลแลนด์เป็นชีวิตจิตใจ คือต้องมีติดบ้านเป็นประจำ พักหลังเธอก็บ่นว่า มะละกอฮอลแลนด์ แพงมากช่วงนี้ จากเดิมเคยซื้อกิโลกรัมละ 30-40 บาท มาตอนนี้ กิโลกรัมละใกล้ 100 บาท เข้าไปทุกที เราก็เลยมีความคิดว่า ทำไมพวกเราไม่ปลูกมะละกอกินเองซะเลย จะได้ไม่ต้องง้อใคร ดังนั้นในวันนี้ จึงขอนำเสนอเรื่อง เจ้ามะละกอฮอลแลนด์ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการหาไม้ผลไว้กินเองที่บ้านจ๊ะ...

เพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับให้เพื่อนๆ ได้เห็นภาพอย่างชัดเจน เราก็เลยไปถ่ายรูปกันที่บ้านของน้องชายสามี ที่คิดปลูกมะละกอฮอลแลนด์ ไว้เป็นไม้ประดับที่หน้าบ้าน นอกจากสวยงามแล้ว ยังมีผลไม้กินอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ เวลาที่มีแขกไปไทยมาที่บ้าน ก็จะมีของฝากเป็นมะละกอฮอลแลนด์ สร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือนอยู่ร่ำไป จากรูปจะเห็นว่า ที่สนามหน้าบ้าน เต็มไปด้วยต้นมะละกอฮอลแลนด์

เราสามารถปลูกผสมผสานไปกับไม้ประดับบ้าน ทั่วไปได้เช่นกัน สำหรับแนวต้นชวนชมที่ใส่กระถางเรียงกันเป็นแถว ตรงทางเดินเข้าบ้าน เป็นฝีมือของเจ้าของบ้าน ที่เพาะเมล็ดชวนชมเอง และดูแลจนได้ขนาด แล้วนำมาตกแต่งบ้าน ได้อย่างสวยงาม

หลักการปลูกมะละกอฮอลแลนด์ ก็เหมือนกับการปลูกมะละกอทั่วไป คือชอบแดด ปลูกได้กับทุกสภาพดิน ยกเว้นบริเวณที่แฉะ เริ่มต้นจากการไปซื้อต้นกล้าที่ร้านขายต้นไม้ ราคาต้นละ 25 - 50 บาท นำมาปลูกได้เลย ข้อควรจำ คือ มะละกอชอบน้ำ ถ้าน้ำถึงลูกจะดก แต่น้ำต้องไม่ขังนะจ๊ะ ไม่เกิน 1 ปี มีผลให้ได้ลิ้มลอง

สำหรับเจ้ามะละกอฮอลแลนด์ สายพันธ์ที่ปลูกที่นี่ ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นสายพันธ์แท้โดยตรงหรือไม่ แต่รสชาดใช่เลย เนื้อไม่เละ หวานไม่มากกลมกล่อมพอดีๆ ลูกเดียว สำหรับหนึ่งคนพอดีอิ่ม จากรูปมะละกอที่นี่ ผลโดยเฉลี่ยจะมีขนาดโตกว่าฝ่ามือไม่มากนัก ที่สำคัญผลดกทุกต้น

ต้นก็ไม่สูงมาก เอื้อมเก็บกินได้อย่างสบายๆ วัดจากขนาดที่เราไปยืนเปรียบเทียบ จะเห็นได้ว่า สูงไม่มาก เด็กเก็บได้ ผู้ใหญ่เก็บดี ส่วนเรื่องว่าจะเก็บได้หรือยัง ให้สังเกตุ ที่ผิวของมะละกอ หากผิวมีสีเข้มกว่าเดิม ก็เก็บมาได้เลย
ผลมะละกอที่เก็บมาแล้ว จะมีสีเข้มกว่าเดิม เข้มมากหน่อยก็กินได้ทันที เข้มน้อยหน่อย เหมาะสำหรับเก็บไปฝาก หรือนำไปขาย มะละกอที่นี่ เนื้อจะแข็ง บางครั้งจับดู อาจเข้าใจว่ายังไม่สุก ให้สังเกตุสีผิวเป็นหลัก ถ้าผิวเข้มก็ปอกเปลือกกินได้เลย เพื่อนๆ ลองหามาปลูกไว้ที่บ้าน เพียงแค่ 1 หรือ 2 ต้น ก็มีกินกันทั้งปี ไม่มีเบื่อจ้า...