เราเป็นคนจ.สงขลาคนหนึ่ง ที่ไม่เคยแวะเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ สงขลา เคยผ่านไป-มา ตั้งแต่สมัยเรียนจนอายุปูนนี้ แต่ทุกครั้งที่ผ่านจะพูดกับตัวเองเสมอว่า สักวันจะต้องเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ให้ได้ ด้วยความชื่นชอบ ในสถาปัตยกรรมแบบจีนเป็นพิเศษ แอบคิดไปเองว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ต้องสวยติดอันดับต้นๆของประเทศแน่นอน ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เห็นท้องฟ้าสวยเป็นที่สุด เหมาะมากสำหรับการไปท่องเที่ยว หาเรื่อง หาภาพมาฝากเพื่อนๆ ให้ได้ชมกัน
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจ.สงขลา ตั้งอยู่ภายในอาคารเก่าแก่ที่เจ้าหน้าที่บอกว่า อายุ 100 กว่าปีแล้ว เดิมเป็นคฤหาสน์ของผู้ช่วยเจ้าเมืองสงขลาในยุคนั้น แสดงให้เห็นว่าจ.สงขลาในขณะนั้น ได้รับอิทธิพลจากประเทศจีนหลายเรื่องทีเดียว หนึ่งในนั้นก็คือทางด้านสถาปัตยกรรม นั่นเอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ใช้จัดแสดงศิลปวัตถุโบราณของภาคใต้ โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง มีสองชั้น แบ่งเป็นห้องต่างๆ ไว้ใช้จัดแสดง เช่น ห้องศิลปทวาราวดี, ห้องเครื่องถ้วยต่างๆ ฯลฯเมื่อเข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์ฯ ก็เห็นเป็นห้องต่างๆให้เราได้เลือกเข้าชม ตามอัธยาศัย เราเป็นคนที่ชอบโอ่ง ชอบไหเป็นพิเศษ ดูแล้วบ่งบอกถึงความเป็นไทย หรือความเป็นเอเชียได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อเข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์ เจอมุมจัดวางของประเภทนี้ ก็เลยมีรูปโอ่งมาฝากมากหน่อย นี่ก็อีกมุม โอ่งบางชิ้นบางใบ ก็ยังพอหาได้ตามบ้านปู่ย่าตายาย อย่างน้อยบ้านเราก็มีอยู่หลายใบ คราวนี้คงอวดใครๆได้บ้างว่า เราก็มีของดีที่เป็นรุ่นเดียวกับที่เค้าเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ได้บ้างเหมือนกัน...555
หีบโบราณเก่าแก่ ที่คนสมัยก่อนนิยมใช้เก็บแก้วแหวนเงินทอง ของมีค่า ก็มีให้เห็น อาจจะเป็นรุ่นเดียวกับที่พวกโจรสลัดนิยม เก็บใส่ของที่ปล้นจี้มา ก็เป็นได้ ยิ่งสงขลาเป็นดินแดนที่อยู่ติดกับทะเลด้วย..
ที่เก็บใส่ใบชาของคนไทย เชื้อสายจีนในยุคนั้น ใบใหญ่เอาการ เดาเอาว่า เนื่องจากกว่าจะได้ออกทะเลไปหาใบชาต้องใช้เวลา เดินทางนาน ไปแต่ละครั้งคงนำกลับมาครั้งละมากๆ...ก็คิดกันไป
ได้เห็นแผนที่อธิบายความเป็นมา ของคาบสมุทรสทิงพระในยุคนั้น จึงได้เข้าใจประวัติศาสตร์ว่า คาบสมุทรสทิงพระ ก็คือผืนแผ่นดินระหว่างทะเลสาปสงขลา และอ่าวไทยนั่นเอง
ห้องที่น่าสนใจอีกห้องหนึ่ง ก็คือห้องที่แสดงศิลปทวาราวดี ที่จัดแสดงองค์พระพุทธรูป ที่สร้างขึ้นด้วยวัสดุที่เป็นหินทราย ซึ่งวัตถุโบราณอันมีคุณค่าเหล่านี้ จะมีการระบุบอกยุคสมัย,วัสดุที่ทำ,แหล่งที่มาอย่างชัดเจน
ที่เราสนใจอีกอย่างก็คือ ศิลปะสมัยศรีวิชัย โดยเฉพาะ คณฑี ที่ทำมาจากดินเผา ที่สร้างขึ้นในยุคราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 ซึ่งขุดพบที่ บ้านสทิงหม้อ อ.สทิงพระ จ.สงขลาของเรา เคยได้ยินชื่อจากวรรณกรรมสมัยก่อน ได้เห็นของจริงในวันนี้ ที่นี่ สวยงามจริงๆ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านเรื่องราวศิลปะ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ที่นี่ยังรับตรวจสอบโบราณวัตถุ ใครที่มีของเก่าของแก่อยากรู้เรื่องราวความเป็นมา ตรงมาที่นี่ได้เลย พิพิธภัณฑ์เปิดบริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์-วันอังคาร ค่าบริการคนละ 30 บาท
ได้มาเยี่ยมพิพิธภัณฑ์ในฝันของตัวเองสักที สมดังใจเห็นแค่ตัวอาคารก็อยากเข้าไปถ่ายรูปแล้ว เพื่อนๆคนใดมีโอกาสไปเยือนสงขลา อย่าลืมบรรจุ"พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ สงขลา" ไว้ในโปรแกรมนะจ๊ะ
ปิดท้ายด้วยภาพของฝาก กำแพงเมืองสงขลา ซึ่งอยู่ด้านข้างพิพิธภัณฑ์ฯ เรียกว่าออกจากพิพิธภัณฑ์ ก็จะพบเจอในทันใด ได้ดูสัมผัสของจริงแล้ว นึกถึงการทำสงครามในยุคก่อน รู้สึกใกล้ชิดกับบรรพบุรุษอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่น่าเชื่อจะยังคงมีร่องรอยประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นเราได้เห็น ได้รำลึกนึกถึงรากเง้าของตัวเองอีกครั้ง เที่ยวสงขลาไม่ไป ไม่รู้....