บันทึกการเดินทางไปสิงคโปร์...ด้วยตัวเอง

การเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นการเดินทางไปต่างประเทศ ที่ง่ายที่สุดก็ว่าได้ เนื่องจากประเทศสิงคโปร์ มีความพร้อมในทุกๆด้าน มีระบบการจัดการที่ดี ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมาท่องเที่ยว ได้อย่างสะดวก สะบาย จึงทำให้ใครหลายคน กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า หากใครต้องการจะเริ่มต้น การท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก ควรจะเริ่มที่ประเทศสิงคโปร์ นั่นเอง



เพื่อการท่องเที่ยว ที่สนุกสนาน เราก็ควรเตรียมความพร้อม ก่อนการเดินทางไว้เป็นอย่างดี  ซึ่งสำหรับเราได้เตรียมการไว้ดังนี้จ๊ะ...

1.เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม

นั่นคือ ศึกษาเรื่องฤดูกาลของประเทศสิงคโปร์ ที่ประเทศสิงคโปร์ จะมีอยู่ 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน กับ ฤดูฝน ซึ่งก็คล้ายๆ กับสภาพภูมิอากาศของภาคใต้ ของเรา นั่นเอง
-ฤดูร้อน จะเริ่มจากเดือนกุมภาพันธ์ - เดือนตุลาคม
-ฤดูฝน จะเริ่มจากเดือนพฤศจิกายน - เดือนมกราคม

แต่อย่างไรก็ตาม แม้นว่าเราจะไปช่วงฤดูร้อน เราก็อาจจะพบฝนได้ตลอดเวลา เพราะประเทศสิงคโปร์ อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งหมายความว่า ภูมิอากาศจะร้อนชื้น ทั้งปี  สำหรับเราเลือกช่วงปลายเดือนมีนาคม หลักการไม่มีอะไรมาก ขออย่าให้ฝนตกมาก ก็เป็นพอ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่เป็นนักช็อปปิ้งทั้งหลาย ส่วนใหญ่ จะเลือกเที่ยวช่วงกลางปี เพราะที่นั่น สินค้าแบรนเนมชื่อดัง จะมีรายการแกรนด์เซลส์ ในช่วงนั้น พอดี ใครชอบแนวนี้ ก็จัดไปเลย

นอกจากเรื่องภูมิอากาศแล้ว ในเรื่องของเวลา ประเทศสิงคโปร์ เวลาจะเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง และเนื่องจากเป็นประเทศ ที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ที่นั่น มืดช้ามาก ขนาดเวลาจะ สองทุ่มแล้ว ยังเหมือนกับหกโมงเย็นกว่าๆ ของบ้านเรา แต่แม้นจะมืดช้า แต่กลับสว่างเร็วมากมาย เรื่องนี้ก็จะดี ในแง่ของการท่องเที่ยว ทำให้เรามีเวลาท่องเที่ยว ได้นานมากขี้นนั่นเอง




2.เตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง

2.1 เตรีียมหนังสือเดินทาง การเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ ไม่ต้องทำวีซ่า หากพำนักไม่เกิน 30 วัน ก็สบายไป แต่หนังสือเดินทางต้่องมีอายุเหลือ ไม่น้อยกว่า 6 เดือน เป็นอันใช้ได้
2.2 การแลกเงิน สิงคโปร์ใช้สกุลเงิน เป็นเงินดอลล่าห์สิงคโปร์ อัตราแลกเปลี่ยนขณะ ที่เราไปอยู่ที่ 1 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยเท่ากับ 24.4 บาท ก็แลกเงินมาให้พร้อม
2.3 เรื่องของระบบไฟฟ้า ที่ประเทศสิงคโปร์ระบบของการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า จะเหมือนบ้านเรา คือ 220-240 โวล์ แต่ปลั๊กไฟจะไม่เหมือนของเรา ขึ้นอยู่กับที่โรงแรมจะมีการบริการให้เช่าตัวแปลง หรือไม่ อย่างไร อันนี้ก็ต้องเตรียมการไปให้พร้อม สำหรับโรงแรมที่เราพัก มีเต้าเสียบแบบบ้านเราไว้ให้ในห้อง ก็สบายไป



3.ทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบขนส่ง

ระบบขนส่งที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นอะไรที่สะดวก สะบาย สะอาดและปลอดภัยมากที่สุด ผู้คนแต่งตัวหรูเริ่ด อลังการณ์ หรือแต่งตัวแบบเซอ ฯลฯ ต่างก็ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ คิดเป็นร้อยละ 90 เปอร์เซ็นต์ ก็ว่าได้ รถส่วนตัวมีให้เห็นน้อยมาก และทั้งรถไฟฟ้าและรถประจำทาง ให้บริการจนถึงเที่ยงคืน กันเลยทีเดียว

3.1 การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ราคาเริ่มต้นที่ 0.80 - 1.80 จะต้องใช้บัตรเติมเงิน เหมือนบ้านเรา แต่ของเค้ามีทางเลือก ให้เลือกใช้ 2 แบบ คือ
3.1.1 ใช้บัตร EZLink ที่เริ่มต้นซื้อบัตรครั้งแรกที่ 15 เหรียญ คิดเป็นค่าบัตร 5 เหรียญ ค่ามัดจำบัตร 3 เหรียญ ซึ่งจะคืนให้เมื่อคืนบัีตร บัตรนี้สามารถเติมเงินได้ ครั้งละ 10 เหรียญขึ้นไป ใช้งานได้ 5 ปี
ข้อดี ของการใช้บัตรนี้ืคือ สามารถนำไปใช้ กับรถเมล์ รถแท็กซี่ ร้านค้า ที่มีสัญลักษณ์บัตรนี้ และ ใช้นั่งรถรางไปเกาะเซ็นโตซ่าได้ด้วย
3.1.2 ใช้บัตร Singapore Tourist Pass บัตรใช้ได้ 1,2 หรือ 3 วัน แล้วแต่ว่าจะเลือกแบบไหน ราคาจะอยู่ที่ 10 ,20 และ 30 เหรียญ เริ่มต้น ตั้งแต่วันที่ซื้อกันเลย และทั้งสามแบบ แบ่งเป็นค่ามัดจำบัตร 10 เหรียญ เมื่อนำบัตรมาคืน ของเราเลือกแบบ 30 เหรียญ ใช้ได้แบบ 3 วัน
ข้อดี ของการใช้บัตรนี้ คือ เราใช้ขึ้นได้ ทั้งรถประจำทาง และ รถไฟฟ้า แบบไม่อั้น คือเหมาจ่ายกันไป ทีเดียวเลย ใครที่ชอบใช้บริการเดินทางเยอะๆ แบบนี้คุ้มจริงๆ และที่สำคัญได้คืนเงินมัดจำบัตรอีกคนละ 10 เหรียญ เมื่อนำบัตรไปคืน และหากเราไม่คืนบัตร ก็สามารถเก็บไว้ใช้งานได้ 5 ปีเช่นกัน

นอกจากเรื่องของบัตรเติมเงินแล้ว เรื่องที่เราต้องศึกษาคือ เรื่อง แผนที่การใช้รถไฟใต้ดิน ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดเราว่า ควรจะลงที่สถานีใหน เพื่อไปแหล่งท่องเที่ยวนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยว ก็จะถูกใช้เป็นชื่อของสถานีที่เราจะลงไปท่องเที่ยวอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องขึ้นให้ถูก เพราะทุกครั้งที่เราอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน จะมีรถไฟอยู่ทั้งสองฝั่งเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ที่สิงคโปร์ จะนิยม บอกว่าไปที่จุดเริ่มต้น ฝั่งหนึ่ง และ ไปยังจุดสิ้นสุดของสถานีอีกฝั่งหนึ่ง ดังนั้นเราควรจะต้องรู้ว่า สถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปนั้น รถไฟจะเดินทางไปจุดเริ่มต้น หรือจุดสิ้นสุด นั่นเอง เช่น เราใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงเป็นประจำ เราเริ่มต้นที่ สถานี Novena เสมอ ซึ่งรถสายสีแดง จะเริ่มต้นที่ สถานี Jurong East และสิ้นสุดที่สถานี Marina Bay ในวันนี้เราจะไปเที่ยวย่าน Orchard เราก็ต้องดูรถฝั่งที่ไป Marina Bay นั่นเอง ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ดูแผนที่ประกอบ จะช่วยให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น หาแผนที่ได้ที่ www.exploremetro.com



3.2 การเดินทางด้วยรถบัสหรือรถประจำทาง
การเดินทางด้วยรถประจำทางที่สิงคโปร์ เราชอบมาก เพราะที่นี่รถไม่ติด และเราจะได้ดูบ้านเมือง ดูผู้คนของประเทศนี้ ดังนั้น ทุกครั้งที่เราจะออกไปเที่ยว เราจะถามตรงรีเซบชั่นของโรงแรม ว่าถ้าไปรถเมล์ไปสายอะไร อย่างไร พอดีโรงแรมอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ สะดวก และสนุกมากมาย ในการใช้บริการ ความจริงถ้าได้ทดลองนั่งไปสักครั้ง 2 ครั้ง จะเห็นว่า แต่ละสถานที่ท่องเที่ยวของสิงคโปร์ อยู่ใกล้กันมาก สามารถเดินถึงกันได้หมด (ถ้าเดินไหว) เรานั่งรถเมล์จากที่พัก สามารถไปแหล่งท่องเที่ยวได้ทั่วสิงคโปร์เลย



การใช้บริการ 
3.2.1ใช้เหรียญจ่าย โดยบอกกับคนขับว่าลงที่ไหน เค้าจะคิดให้ ราคาเริ่มต้นที่ 0.80-1.70 เหรียญ แล้วเราก็หยอดเหรียญตามที่เค้าบอก ข้อเสียคือ ไม่มีการทอน เราต้องจ่ายให้พอดี หรือเกินไปเลย หลังจากนั้น ก็จะมีใบเสร็จออกมาให้
3.2.2 ใช้บัตรเติมเงิน แตะบัตรที่ประตูหน้า และประตูกลางเมื่อลงจากรถ



4.การเดินทางจากสนามบินสู่ที่พัก

สนามบินของประเทศสิงคโปร์ คือ สนามบินชางกี Changi International Airport ที่สนามบินแห่งนี้ มี 3 Terminal เที่ยวบินจากประเทศไทย ส่วนใหญ่จะลงที่ Terminal 1 และ 2 เมื่อเดินทางถึงสนามบิน เราก็ต้องผ่านด่านต.ม ของสิงคโปร์  ซึ่งถ้าเราเดินทางไปเที่่ยว ช่วงวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ นักท่องเที่ยวจะเยอะมากกกก... ก็ต้องทำใจ ใบ Arrival Card ของสิงคโปร์ จะถูกแจกก่อนลงจากเครื่อง หรือไม่อย่างนั้น ก็มีให้กรอกตรงแถวๆ ต.ม. นั่นเอง ใบต.ม ของสิงคโปร์ กรอกแค่ด้านเดียว และสั้นมาก ไม่ยากอย่างที่เคยเจอ

เมื่อผ่านด่านต.มแล้ว อย่าลืมหยิบแผนที่ท่องเที่ยวสิงคโปร์ ซึ่งมีแจกวางอยู่ตรงซุ้มชั้นวาง ตั้งแต่ทางลงบันไดเลื่อนไปต.ม จนกระทั่งทางออกจากต.ม เที่ยวประเทศนี้ สะดวกสบายจริงๆ  เมื่อผ่านด่านแล้วก็รับกระเป๋า แล้วเดินตรงไปทางออก มีป้ายบอกชัดเจน ซึ่งก็คือเราต้องลงบันไดเลื่อนไปอีกชั้น นั่นเอง และเมื่อถีงชั้นนี้ จะเห็นรถไฟฟ้าจอดรออยู่แล้ว ก่อนจะขึ้นรถไฟ อย่าลืมซือบัตรเติมเงืน ซึ่งสถานที่จำหน่ายบัตร จะอยู่ตรงสิ้นสุดบันไดเลื่อน ฝั่งซ้ายจะเป็น Office Tiket เล็กๆ สำหรับขายบัตรเติมเงิน แบบบัตร Singapore Tourist Pass ส่วนฝั่งขวามือ จะมีเครื่องขายบัตรเติมเงิน แบบบัตร EZLink วางเรียงรายให้บริการ ใตรชอบแบบใหนก็จัดไป แต่ถ้าใครอยู่ Terminal 1 ก็ต้องนั่งรถไฟฟ้า มาลงที่ terninal 2 แล้วนั่งรถไฟฟ้าเข้าเมืองไปอีกที ไม่ยากเลย

เมื่อนั่งรถไฟฟ้าเข้าเมือง จากสนามบิน จะผ่านสองสถานี คือ สถานี Expo และสถานี Tanah Merah จากนั้น ก็ต่อรถไฟสายสีเขียว ที่ไปสิ้นสุดที่สถานี Joo Koon และจากนี้ไป ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่พัก ว่าจะต้องต่อรถไฟสายไหน ต่อไปนั่นเอง สำหรับของเราพักที่ Fragrance Hotel - Rose  ซึ่งอยู่แถวย่าน Novena เราก็ต้องต่อรถไฟฟ้าจากสายสีเขียว ไปต่อสายสีแดง ดังนี้
จาก Changi Airport >> Tanah Merah  ต่อสายสีเขียว  >>City Hall ต่อสายสีแดง >> Novena
มาถึงขั้นนี้ ก็ต้องหาแผนที่รถไฟฟ้ามาดูประกอบ จะทำให้เข้าใจยิ่งขึ้น



6.การท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวในสิงคโปร์ ส่วนใหญ่จะอยู่กระจุกแต่ในเมือง โซนใกล้เคียงกัน ถ้าวางแผนการเดินทางดีๆ อาจเที่ยว ได้หมดภายในวันเดียว ซึ่งเราได้ นำบางช่วง บางตอน ที่เราได้ไปเที่ยวมา พร้อมวิธีการเดินทาง  เพื่อนๆ สามารถ นำไปวางแผนประกอบการท่องเที่ยวได้เลย

>> ตอนที่ 1 แหล่งท่องเที่ยวแถวอ่าวมารินาเบย์
>> ตอนที่ 2 เที่ยวเกาะเซ็นโตซ่า
>> ตอนที่ 3 เที่ยวไชน่าทาวน์ และ Garden by the Bay






7.อาหารการกิน

สิ่งที่หากินได้ง่าย อร่อย และราคาไม่แพง ก็ต้องร้านแนวบะกุ๊ดเต๋ มีให้เห็นในทุกสถานที่ มีร้านดังมากมายให้ได้เลือกกิน ชนิดที่ว่า เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว และเป็นอะไรที่คนไทยกินได้อย่างแน่นอน ใครไม่กินเนื้อหมู ก็สั่งเป็นปลา เป็นผัก เป็นไข่ มากินแทนได้เลย เราลองมาทุกร้านที่เจอ อร่อยหมด สบายกระเป๋าด้วย



การกินอาหาร ตามศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้า ก็เป็นอีกทางเลือก ที่ทำให้ประหยัด ได้เป็นอย่างดี สำรวจมาแล้ว ตาม Food Court ถูกกว่าเป็นร้านอย่างแน่นอน และห้างที่นี่ ก็มีเยอะแยะมากมาย ไปที่ไหนก็เจอแต่ห้าง สิงคโปร์ถือว่าเป็นประเทศ ที่มีห้างสรรพสินค้ามากมาย เป็นอันดับต้นๆของโลกก็ว่าได้




เรื่องน้ำดื่ม สำคัญมาก เพราะว่าแพงมาก ตามค่าเงินของสิงคโปร์ เท่าที่สังเกตุน้ำที่วางขายใน เซเว่น ที่นี่ จะแพงกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่ร้านเซเว่น จะมีมากโดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยว ให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อ และที่น่าแปลกใจ น้ำผลไม้ , เบียร์ กลับราคาพอๆ กับน้ำดื่ม บางครั้ง บางคราว เราก็เลือกที่จะซื้อน้ำผลไม้ มาแก้กระหายแทน ใครจะเลียนแบบก็ไม่ว่ากัน



8.การซื้้อของ

ถ้าเป็นแนวของที่ระลึก ตามสถานที่ท่องเที่ยว จะสูงมากมาย จนซื้อไม่ลง หากมาคิดเป็นเงินไทย เราสามารถซื้อของที่ระลึกเหล่านี้ได้ ในราคาสบายๆ ได้ที่ย่านไชน่าทาวน์ ไม่น่าเขื่อว่า ของประเภทเดียวกัน แต่ราคาจะต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ และยิ่งถ้าได้ไปเปรียบเทียบกับ ที่ดิวตี้ฟรีที่สนามบิน เห็นราคาแล้วต้องบอกว่า สูงเกิ๊น สูงแบบไม่บันยะ บันยัง



ส่่วนการซื้อสินค้าแบรนด์เนม เห็นราคาแล้วหนาว ใครว่าถูกกว่าเมืองไทย เราก็ขอบายแล้วกัน แต่มีคำแนะนำว่า ในช่วงกลางปี เหล่าแบรนด์เนมชื่อดัง จะร่วมใจกันลดราคาสินค้า กันแบบกระหน่ำ ใครชอบแนวนี้ ก็ว่ากันไป


9. เรื่องของที่พัก

อันเนื่องมาจากค่าครองชีพ ที่ประเทศสิงคโปร์ค่อนข้างสูง จึงส่งผลให้ราคาห้องพักตามโรงแรมต่างๆ ราคาค่อนข้างสูง ยิ่งโดยเฉพาะถ้าเข้าพัก ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ราคาจะสูงปรี๊ดขึ้นมาทันที โดยเฉลี่ยค่าห้องพักจะเริ่มต้นที่ห้องละ 2,000 บาท ขึ้นไป และห้องพักไม่ว่าจะ ราคาระดับไหน ก็ล้วนแล้วแต่มีขนาดเล็ก กระทัดรัดทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่เราต้องเตรียมตัว เตรียมใจไว้ก่อน

ประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีโรงแรมมาก ถีงมากที่สุด หลักการเรื่องการเลือกที่พัก ก็ต้องเลือกโรงแรมที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าไว้ก่อน เป็นลำดับแรก เพื่อตวามสะดวกในการเดินทาง แต่ถ้าต้องการประหยัด ค่าห้องพัก ก็ต้องพักแถวย่านเกลัง แต่ก็อาจต้องแลกกับสิ่่งแวดล้อมที่ไม่เจริญหู เจริญตา ประมาณแถวพัฒพงศ์บ้านเรา อันนี้ก็ต้องทำใจ แต่อย่างไรก็ตามคนไทยส่วนใหญ่ ก็นิยมมาพักแถวย่านนี้ เพื่อเก็บสตังค์ไว้ไปช๊อปปิ้งกัน




สำหรับเรา เราได้ห้องพักแถวย่านถนน balestier ซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยว ยุคแรกเริ่มของสิงคโปร์ เป็นโรงแรมในเครือ Fragrance คือ Fragrance Hotel - Rose , 263  balestier Road โรงแรมอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ป้ายรถเมล์ มีของกินอร่อย โดยเฉพาะสองข้างทางถนน มีร้านดังระดับตำนาน มีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆ มากมาย ทั้ง 7-11และของท้องถิ่น ราคาห้องแค่คืนละไม่ถึง 2,000 บาท ข้อเสียอย่างเดียว คือ อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า เราต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่สถานีีอีกที การที่โรงแรมอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ ทำให้เราสนุกกับการนั่งรถเมล์ ไปเที่ยวในที่ต่างๆ ได้เห็นบ้านเมือง และทำให้รู้ว่า เราสามารถนั่งรถเมล์ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของสิงคโปร์ ได้อย่างไม่ยากเย็น พนักงานขับรถเมล์ทุกคัน ช่วยแนะนำนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญถนนหนทางที่นี่ ปลอดโปร่ง โล่งเป็นที่สุด เรามีความสุขมากกับการนั่งรถเมล์

 เราค้นพบโรงแรมนี้จาก agoda  การเดินทางทำได้โดย นั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงมาลงที่ สถานี Novena จากนั้น ก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรมได้เลย หรือนั่งรถเมล์สาย 145 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถไฟฟ้า โดยเมื่อขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้าแล้ว ให้เดินไปทางขวามือ ไปข้ามถนนตรงโบสถ์ ซึ่งมีสะพานลอยให้ข้าม และฝั่งตรงข้ามเป็นห้างสรรพสินค้า และป้ายรถเมล์อยู่ด้านหน้าห้าง นั่นเอง เวลาจะลงรถ ให้ยึดด้านฝั่งขวาของรถเมล์เป็นหลัก นั่งมาประมาณ 15-20 นาที ให้มองหาร้านข้าวมันไก่ชื่อดัง Boon Tong Kee เมื่อเห็นร้านนี ลุกขึ้นมากดกรื่ง ลงป้ายหน้าได้เลย ร้านดังร้านนี้เปิดขายกัน ทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องกลัวว่าจะหาร้านไม่เจอ จากนั้นก็หาทางข้ามถนน เดินไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที พบร้าน 7-11 อยูห่างจากโรงแรม 2-3 ล็อค ก็ถึงแล้ว ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหากใตรสนใจ




หากต้องการย้อนรอยเรา เวลาจองห้องพัก อย่าลืมขอพักห้องชั้นสูงหน่อยจะดี โรงแรมมีประมาณ 5-6 ชั้น และรอบๆ ก็มีแต่โรงแรม




วันนั้น เราได้พัก ชั้น 3 ห้อง 311 มุมมองทางหน้าต่างผ่อนคลายมาก เป็นสระน้ำของคอนโดที่อยู่ติดกัน



ห้องพักเล็กๆ สะอาด สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่ไม่มี wi-fi




มีไดรเป่าผม มีกาแฟ พร้อมกาต้ม มีแปรงสีฟันพร้อมยาสีฟัน มี TV จอแบน ฯลฯ ให้น้ำ 2 ขวด และทำความสะอาดห้องทุกวัน พนักงานตรงรีเซฟชั่นดีมากๆ ให้ความสะดวกเรื่องข้มูล การเดินทางไปท่องเที่ยว ได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องรถเมล์ และรถไฟฟ้า



คนสิงคโปร์ส่วนใหญ่ พูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี สามารถสอบถามข้อมูลได้ทุกคน ข้อเสียอย่างเดียว ที่เราพบ คือ การสูบบุหรี่อย่างจริงจัง อย่างหนักของผู้คน โดยเฉพาะผู้หญิง ใครไม่ชอบควันบุหรี่ ก็ต้องทำใจไว้หน่อย และที่ไม่คุ้นตามากๆ กับการที่ร้านแนว kfc ,mac มีแต่ผู้สูงอายุ เป็นพนักงาน ดูแปลกตา แตกต่างจากบ้านเรา แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่ง คนของเค้ามีศักยภาพ คนวัยคุณย่า ยังสามารถทำงานได้ วัยรุ่นก็ต้องไปเรียน วัยผู้ใหญ่ ทำงานระดับมันสมองเงินเดือนมากมาย พอแก่ตัวจะอยู่บ้าน หรือทำงาน เค้าก็ให้โอกาสให้ได้ทำ....

ขอให้เพื่อนๆ เที่ยวสิงคโปร์ด้วยความสนุกสนานนะจ๊ะ